นับจาก 19 ก.ย. พ.ศ. 2549 หลัง “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในขณะนั้นตัดสินใจนำกองทัพเข้ารัฐประหารยึดอำนาจการปกครองจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ในนามคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เกือบ 16 ปีของการยึดอำนาจที่ได้รับการขนานนามว่า “รัฐประหารดอกไม้” เพราะไม่มีคนบาดเจ็บล้มตายไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ 1 ปี 5 เดือน คือช่วงเวลาที่ทักษิณ ชินวัตร ออกจากไทยไปอยู่ต่างประเทศ โดนหลบไปอาศัยอยู่ที่อังกฤษเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่ 28 ก.พ. 2551ทักษิณจะเดินทางกลับประเทศไทยถึงสนามบินสุวรรณภูมิพร้อมก้มลงกราบแผ่นดิน ก่อนเข้ามอบตัวที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีที่ตกเป็นจำเลยในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ร่วมกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ซึ่งศาลอนุมัติให้ประกันตัว ต่อมาทั้ง 2 คน ได้ขออนุญาตศาลฎีกาฯ เดินทางออกนอกประเทศ โดยให้เหตุผลเดินทางไปปฏิบัติภารกิจประเทศจีนและญี่ปุ่น โดยระบุวันเดินทางระหว่างวันที่ 31 ก.ค. – 10 ส.ค. 2551 โดยคุณหญิงพจมานอ้างเหตุผลขอเดินทางไปร่วมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก ที่ประเทศจีน ระหว่างในวันที่ 5-10 ส.ค. 2551 ต่อเมื่อถึงวันนัดหมายให้ไปรายงานตัวต่อศาลในวันที่ 11 ส.ค. 2551 ทั้ง 2 คนไม่มารายงานตัวต่อศาล แต่ไปปรากฎตัวที่ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษพร้อมครอบครัว จากนั้นในวันที่ 21 ต.ค. 2551 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้อ่านคำพิพากษาลับหลัง ตัดสินให้จำคุกทักษิณ 2 ปี ส่วนคุณหญิงพจมานยกฟ้อง
จากวันนั้นจนถึงวันนี้รวมระยะเวลาที่ทักษิณหนีคดีจนถึงปัจจุบันเกือบ 14 ปีที่ไม่ได้กลับมาเหยียบแผ่นดินไทย แต่เจ้าตัวก็ยังเคลื่อนไหวเดินเกมส์อยู่เมืองนอก ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในต่างประเทศทักษิณพูดยืนยันมาตลอด 2 เรื่อง คือ 1.จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เท่าชีวิตไม่เคยคิดล้มเจ้า 2.ไม่เคยโกงบ้านกินเมืองไม่เคยสร้างเสียหายให้กับประเทศ แปลกแต่จริงว่า 2 เรื่องที่ทักษิณพูดมาตลอดตั้งแต่หนุ่มจนแก่ กลับเป็นเรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่า “จริง” เพราะพยานหลักฐานและสิ่งที่ทักษิณและเครือข่ายบริวารทำมาตลอด ระยะเวลาที่มีอำนาจหลังขึ้นเป็นนายกฯคนที่ 23 และอยู่ในวาระ 2 สมัย ตั้งแต่ 9 ก.พ.2544 ถึง 19 ก.ย.2559 รวม 5 ปี 222 วัน ได้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับประเทศชาติมหาศาลอย่างมิอาจประเมินค่าได้ ลำพังแค่ทำให้คนในชาติที่เคยสมัครสมานกลมเกลียวเป็นปึกแผ่นต้องแตกออกเป็นเสี่ยงๆ คนไทยแบ่งฝักแบ่งฝ่ายฆ่าฟันกันเอง ก็ไม่รู้จะลงโทษอย่างไรให้สาสมแล้ว
เป็นร้อยครั้งพันหนแล้วที่ทักษิณเคยพูดมาตลอดว่าไม่เล่นการเมืองไม่ยุ่งการเมืองแล้วพอแล้วจบแล้วไม่เอาอีกแล้ว แต่คำพูดกับการกระทำของทักษิณสวนทางกันตลอด จนถึงเวลานี้ทักษิณก็ยังพยายามกลับเข้าสู่การเมืองตลอด หลายปีที่ผ่านมาก็ยังเป็น “นายใหญ่” ที่อยู่เบื้อหลังคอย “บงการ” และ “ชักใย” พรรคเพื่อไทยเรื่อยมาโดยไม่มีการวางมือแต่อย่างใด แค่เปลี่ยนหน้าคนคุมพรรคสลับฉากผู้จัดการคอกกันเท่านั้น แต่หลังบ้านตัวจริงก็ยังเป็นตัวเองเป็นคนใน “ตระกูลชิน” กุมอำนาจอยู่ เป้าหมายเดียวที่ถวิลหาคือการพาตัวเองกลับบ้าน หาช่องทางให้กลับมาเหยียบแผ่นดินเกิด หวังสร้างดราม่าก้มกราบแผ่นดินแบบเท่ห์ๆอีกครั้งในภาค 2
ก่อนหน้านี้ก็ “เฉียด” เกือบจะได้กลับเมืองไทยมาครั้งนึงแล้ว ในยุคสมัยที่ดันน้องสาวสุดเลิฟอย่าง “เจ๊ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงหาเสียงแค่ 49 วันก่อนสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นเป็นนายกฯคนที่ 28 และเป็นนายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทย ด้วยวัย 44 ปี ที่ระหว่างอยู่ในอำนาจ 2 ปี 275 วัน ตั้งแต่ 5 ส.ค.2554 -7 พ.ค.2557 ไม่มีวันไหนที่ทักษิณไม่คิดเรื่องกลับบ้านในช่วงที่น้องสาวเป็นนายกฯ ที่สุดก็นำไปสู่การมอบหมายให้ส.ส.ลูกสมุนตัวเองยื่นพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอย เพื่อพาตัวเองกลับบ้านให้สาสมแก่ใจที่ถูกทหารรัฐประหารไป สุดท้ายก็กลายเป็น “จุดสลบ” เป็น “จุดตาย” เรียกแขกให้น้องสาว เพราะคนไทยอดไม่ไหวทนไม่ได้ที่จะให้คนชั่วกลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุก ที่สุดก็กลายเป็นกลายเป็นชนวนร้อนจุดไฟทำให้คนไทยนับล้านออกมาเดินขบวนครั้งประวัติศาสตร์ขับไล่ยิ่งลักษณ์จนสุดท้ายก็อยู่ไม่ได้ในที่สุด
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ทักษิณไม่เคยเรียนรู้อะไร ไม่เคยคิดหยุดไม่เคยคิดพอ ตรงกันข้ามกับหยิ่งผยองมากขึ้นและเรื่องกลับบ้านไม่เคยพ้นไปจากหัวสมองของทักษิณ ปลายปีที่ผ่านมา 28 ต.ค.2564 ทักษิณเปิดตัวลูกสาวคนเล็ก“อุ๊งอิ๊ง”แพรทองธาร ชินวัตร ด้วยวัย 35 ปี เอาโคลนนิ่งตัวเองมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะประธานที่ปรึกษาการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ระหว่างการประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย ณ ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติ จ.ขอนแก่น ถัดจากนั้น 20 มี.ค.2565 ระหว่างทัวร์คาราวานภาคอีสาน พรรคเพื่อไทยก็จัดงาน “ ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม” ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติมลฑาทิพย์ ฮอลล์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ขยับตำแหน่งแพทองธารให้มีสถานะเป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย”
เดินตามเกมส์เป็นขั้นเป็นตอนตามใบสั่ง ไม่ให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อลดแรงกดดันแต่มอบตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นสายเลือดเจ้าของคอกตัวจริง อนาคตเมื่อทุกอย่างพร้อมก็จะเสนอชื่อเป็น “แคนดิเดตนายกฯ” ของพรรคเพื่อไทยตามสูตรที่พ่อวางไว้เหมือนตอนอาปูเป๊ะๆ บันไดหลายขั้นของทักษิณยังไม่จบ งวดที่แล้วมวยล้มคนไทยจับได้ต้องเสียน้องสาวอย่างยิ่งลักษณ์ไปคนนึงแล้ว รอบนี้เที่ยวนี้การเลือกตั้งทั่วไปยังไม่รู้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ทักษิณพร้อมเดิมพันหมดหน้าตักถึงขั้นส่งทายาทคนสุดท้องสายเลือดตระกูลชินพันธุ์แท้อย่างแพทองธารมาสู้ศึกเอง ไม่หวังรอบนี้จะหวังรอบไหน เปิดหน้าเล่นรถไฟขบวนสุดท้าย ด้วยตั๋วใบสุดท้ายที่มี ชนะเลือกตั้งรอบนี้อาจได้ไกล แพ้รอบนี้อยู่ต่างประเทศไปยาวๆ
ปัจจุบันทักษิณในไทยโทนี่ในต่างแดนอายุปาเข้าไปจะ 73 ปีแล้ว เกิด 26 ก.ค.2492 เป็นไม้ใกล้ฝั่งเต็มทีแล้ว จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้ อย่าได้แปลกใจที่ล่าสุดโทนี่ถึงขั้นลงทุนจ้าง “สุรักษ์ สุขเสวี” แต่งเพลงให้ร้องแก้เหงา 2 เพลง หนึ่งคือเพลง “เกิดมาเป็นนักสู้” ปล่อยออกมาเดือนหนึ่งแล้ว และล่าสุดเพลงที่ 2 คือ “จากคนแดนไกล” ที่งานนี้โทนี่เผยความในใจผ่านเพลง ทั้งออดทั้งอ้อนขอโอกาสคนไทยพากลับบ้าน ลงทุนร้องเอง เล่นมิวสิควีดีโอเอง ดูแลการผลิตเอง โปรโมตเอง แถมมีท่อนเรียกคะแนนสงสารจากแฟนคลับและบอกเป้าหมายในอนาคตของตัวเองทิ้งท้ายตอนจบเพลงโคตรชัด “ ต้องมีสักวันเราคงได้พบเจอ ได้ยินเสียงเรียกของเธอฉันยิ่งมีความห่วงใย ก็ด้วยเสียงเรียกของเธอที่จะพาฉัน…..กลับไป ” เห็นแบบนี้เลือกตั้งเที่ยวหน้า โทนี่ทุ่มสุดตัวแน่คงเทหมดหน้าตัก เพราะการจะกลับบ้านแบบเท่ห์ๆได้ พรรคเพื่อไทยต้องชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ จากนั้นถึงจะโหวตเลือกแพทองธารเป็นนายกฯ ก่อนจะเสนอพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับพาพ่อกลับบ้าน ถามคนไทยดังๆ คิดยังไงเอายังไงกับเรื่องนี้ “เสียง” ของท่านจะให้ทักษิณอยู่เมืองนอกต่อหรือพาทักษิณกลับ ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล แพทองธารได้เป็นนายกฯ ล้านเปอร์เซ็นต์โทนี่มาแน่
/////////////////