นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. กล่าวว่า มาตรการจัดสถานที่กักกันโรค โดยผู้ที่มีและไม่มีสัญชาติไทย เข้ารับการกักตัว ที่ดำเนินการมาร่วม 1 ปีกว่า จะมีการลดสถานกักกันโรคของรัฐ (State quarantine:SQ) และให้เพิ่มในส่วนของสถานกักกันโรคทางเลือก (Alternative quarantine: AQ) หมายถึง สถานกักกันโรคของรัฐ (SQ) ยังมีอยู่แต่ให้สำหรับกลุ่มเปราะบาง ข้าราชการกลับมา แต่คนปกติทั่วไปต้องใช้สถานกักกันทางเลือก (AQ) แต่สำหรับคนไทย รัฐจะช่วยในเรื่องการตรวจหาเชื้อ แต่เรื่องค่าที่พัก ค่าโรงแรมผู้เดินทางต้องจ่ายเอง โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค.นี้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนสถานกักกันโรคของหน่วยงาน (Organizational Quarantine: OQ) จะใช้รองรับ 2 กรณี คือ
1.แรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ โดยกระทรวงแรงงานจะกำหนดพื้นที่ ระยะเวลา และเรื่องต่างๆ ประสานงานร่วมกับภาคเอกชน
2.กลุ่มคนไทยที่อยู่ต่างประเทศแล้วต้องการกลับมา แต่ไม่มีกำลังในการจ่ายเป็นกลุ่มเปราะบาง ภาครัฐจะจัดหา OQ ให้ ส่วนกรณีทางบก เช่น จังหวัดชายแดน ยังมีสถานกักกันของรัฐ (SQ) อยู่ ซึ่งรัฐออกค่าใช้จ่ายให้ เพื่อป้องกันและควบคุมโรค ส่วนทางอากาศและทางน้ำ ใช้มาตรการเดียวกันคือ กักตัวใน AQ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายกักตัวเอง
นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวอีกว่า เราพบว่า 1 ปีกว่าที่ผ่านมา ในสถานกักกันของรัฐ มีการใช้บริการด้านนี้เพิ่มมากขึ้น และมีคนไทยหลายคน เดินทางไปต่างประเทศ กลับมาขอใช้สิทธินี้ มีการใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ตอนนี้กลับไปสู่นิวนอร์มอล ภาวะค่าใช้จ่ายคนที่จะกลับมาในประเทศไทย จะต้องกลับมาในลักษณะของ AQ เพื่อกักตัว ออกค่าใช้จ่ายเอง”