วานนี้(15 มิถุนายน 2564) สมาคมภัตตาคารไทย ได้ยื่นหนังสือถึงพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เรียกร้องผ่อนคลายมาตรการควบคุมร้านอาหารและมาตรการช่วยเหลือเยียวยา หลังผู้ประกอบการถูกจำกัดจำนวนที่นั่งในร้าน ถูกจำกัดระยะเวลาให้บริการนั่งรับประทานในร้าน รวมถึงการห้ามดื่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในร้าน เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ
โดยข้อเรียกร้องให้พิจารณาผ่อนคลายมาตรการบังคับ มีดังนี้
ข้อ 1 ขยายระยะเวลานั่งรับประทานอาหารในร้านของพื้นที่ 4 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวดถึงเวลา 23:00 น. และให้ปิดร้านในเวลา 00:00 น.
ข้อ 2 เพิ่มจำนวนที่นั่งในร้านของพื้นที่ 4 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยใช้การแบ่งระดับตามมาตรการป้องกันของทางร้าน 50% ของพื้นที่ร้านสำหรับร้านที่ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขที่ศบค.กำหนด (Thai Stop Covid) และ 80% สำหรับร้านอาหารที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน Amazing Thailand Safety & Health Administration (SHA) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ World Travel & Tourism Council (WTTC) ให้การยอมรับ และเมื่อมีมาตรฐานสูง
ดังนั้น จึงขออนุญาตให้ร้านอาหารที่มีมาตรฐานขั้นสูงสุด สามารถจำหน่ายและบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ใน ร้านได้ ทั้งนี้ พฤติกรรมของลูกค้าที่มาใช้บริการร้านอาหารจะเป็นการนั่งดื่มในวงจำกัดของแต่ละโต๊ะที่มาด้วยกัน และจะใช้เวลาในการรับประทานอาหารอยู่ในร้านเฉลี่ยประมาณ 2 ชั่วโมง
ข้อเสนอเยียวยาเร่งด่วน ดังนี้
1) จัดตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อพิจารณามาตรการช่วยเหลือทางการเงินเป็นการเฉพาะเกี่ยวกับภัตตาคารและ ร้านอาหาร ประกอบด้วยคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และตัวแทนจากผู้ประกอบการร้านอาหาร เนื่องจากที่ผ่านมามาตรการทางการเงินมี ข้อจำกัดในการเข้าถึงสำหรับผู้ประกอบการภัตตาคารและร้านอาหารอย่างมาก เพราะมาตรการทางการเงินที่ ออกมาเป็นการมองภาพรวมโดยใช้ฐานปัญหาของธุรกิจอื่น และธนาคารพาณิชย์มักจะไม่นำเสนอข้อมูลสินเชื่อตามมาตรการของรัฐให้กับผู้ประกอบการภัตตาคารและร้านอาหารทราบ และใช้เงื่อนไขของธุรกิจอื่น ๆ มาเป็นเกณฑ์ พิจารณา
2) ออกมาตรการให้เจ้าของห้างสรรพสินค้า และผู้ให้เช่าที่ตั้งร้านลดค่าเช่าอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือน โดยให้เจ้าของที่ดินอาคาร บุคคลทั่วไป ที่ให้ร้านอาหารเช่า สามารถนำส่วนลดไป ลดหย่อนภาษีในรอบบัญชีถัดไป เพื่อจูงใจให้เกิดการลดค่าเช่าตามมา โดยรัฐไม่ต้องจ่ายชดเชย
3) งดการจัดเก็บภาษีรอบระยะเวลาบัญชี 1 ปีที่ผ่านมา ทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดา สำหรับธุรกิจร้านอาหาร
4) ยืดระยะเวลาในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มออกไป 6 เดือน
5) ขอให้รัฐบาลงดจัดเก็บภาษีโรงเรือน จากเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร เป็นเวลา 1 ปี
6) ลดค่าน้ำ ค่าไฟ 30 เปอร์เซ็นต์ ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน
7) มีมาตรการจ่ายค่าแรงคนละครึ่ง โดยให้พนักงานสามารถเบิกส่วนอีกครึ่งจากประกันสังคม หรือ อื่นๆ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน
ทั้งนี้ ผลกระทบจากการแพร่ระบาด และจากมาตรการควบคุม ได้ส่งผลให้มีร้านอาหาร จำนวน 50,000 ราย ต้องปิดกิจการเพราะขาดทุน รวมทั้งร้านอาหารส่วนใหญ่ที่ยังเปิดให้บริการอยู่ล้วนแต่อยู่ในสภาพขาดทุน ต้องแบกต้นทุนต่าง ๆ อาทิ ต้นทุนการผลิต ต้นทุนแรงงาน ต้นทุนค่าเช่า ต้นทุนค่าน้ำ ค่าไฟ ต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อนำมาหมุนเวียนกิจการ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือเร่งด่วน จะมีร้านอาหาร 50,000 ราย ต้องปิดกิจการในอีก 2-6 เดือนข้างนี้