“คีรี กาญจนพาสน์” เปิดใจต่อสู้กว่า 4 ปีจนสำเร็จ กทม.ยอมจ่ายหนี้กว่า 3.6 หมื่นล้าน ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า BTS ตามคำพิพากษาศาลปกครอง

"คีรี กาญจนพาสน์" เปิดใจต่อสู้กว่า 4 ปีจนสำเร็จ กทม.ยอมจ่ายหนี้กว่า 3.6 หมื่นล้าน ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า BTS ตามคำพิพากษาศาลปกครอง

วันนี้ (30 ต.ค. 68) ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี นำโดยนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ , นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ พ.ต.อ. สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการ ได้ร่วมกันแถลงข่าว เรื่อง “หนี้รถไฟฟ้า สายสีเขียว“ ภายหลังจาก กรุงเทพมหานคร ได้ชำระหนี้ ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ให้กับ บีทีเอสซี ตามความเห็นชอบของสภากรุงเทพมหานคร ที่ต้องการให้เร่งดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครอง และ เป็นการลดภาระดอกเบี้ยต้องแบกรับเป็นจำนวนมาก

 

 

โดยนายคีรี กล่าวว่า วันนี้ตนมาแถลงความรู้สึกของบริษัท ที่วันนี้มีความดีใจ ที่สุดท้าย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีความเข้าใจ ยอมจ่ายเงินที่ค้างจ่ายบีทีเอสซี เป็นค่าจ้างเดินรถ หรือ O&M ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ตามสัญญาว่าจ้างทั้งหมดจำนวน กว่า 36,000 ล้านบาท ( ยอดหนี้ 36,444 ล้านบาท แยกเป็น เงินต้น 31,482 ล้านบาท ดอกเบี้ย 4,962 ล้านบาท ) ส่วนที่ดีใจเพราะช่วงที่ผ่านมาหลายปี บริษัทได้รับความกดดัน หากไม่ทวงถาม ทางกทม. ก็จะใช้เวลาพิจารณานาน ขณะที่บริษัทต้องนำเงินไปจ่ายให้แก่พนักงาน ต้นทุนต่าง ๆ ที่ต้องจ่ายทุกวัน ทำให้หลังจากนี้ภาระหนี้จะไม่ต้องมากดดัน BTS อีก

 

“ขั้นตอนต่อไป ทางกทม. จะจ่ายค่าจ้างเดินรถให้แก่บีทีเอสซี ในวันที่ 20 ของทุกเดือน ซึ่งไม่ควรจะมีเรื่องความล่าช้าในการจ่ายค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่บีทีเอสซีเป็นคู่สัญญาอีกต่อไป และเราทำมาต่อเนื่องด้วยประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารมาโดยตลอดมา”

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายคีรี กล่าวว่า วันนี้คนรู้ว่าการแถลงข่าว รู้ว่าดีใจ รู้ว่าได้เงินคืน แต่ต้องแถลงให้สังคมได้รับรู้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านไป 4 ปี หรือ ตั้งแต่เริ่มต้นการฟ้องร้อง ติดตามหนี้สิน บริษัทถือว่าได้พยายามทุกอย่างเพื่อทำให้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเส้นแรกของประเทศไทย เส้นหลักของกรุงเทพ ยังเดินได้ และได้ให้บริการผู้โดยสารทุกวัน แม้ว่าจะเป็นเงินที่บริษัทจะต้องออกแทนกทม.ก่อน เพราะรู้ว่าวันหนึ่งทุกอย่างจะต้องกระจ่างออกมา และวันหนึ่งท่านผู้ว่าฯ กทม. รวมถึงผู้บริหาร กรุงเทพธนาคม หรือ เคที จะรับทราบว่าทุกอย่างที่ BTS ทำถูกต้อง นอกจากต้องเห็นใจเราแล้ว ตลอดจนควรชื่นชมบริษัท BTS ที่ยอมให้เวลากับคู่สัญญา ในการหาและศึกษาความจริง แต่ก็ใช้เวลาที่ยาวนานมาก และเราไม่ใช่บริษัทที่จะมารอได้รับดอกเบี้ย แม้ว่าการหาความจริงจะทำให้เราได้รับดอกเบี้ยมาหมื่นกว่าล้านบา ท ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนไม่ได้ยินดีด้วย เพราะหากกทม.จ่ายค่าจ้างเดินรถมาตลอด เราก็ไม่มีความกดดันในการไปหาเงินมาจ่ายต้นทุนการเดินรถทั้งสาย ซึ่งมีมหาศาล

 

 

 

“หวังว่าจากวันนี้เรามีสัญญาเดินรถกับเคที และ กทม.จะเดินรถและให้บริการประชาชนให้ดีที่สุด ให้ผู้โดยสารมีความสบายและมั่นคง และหวังว่า ทางกทม เมื่อเข้าใจทุกอย่างแล้ว จะจ่ายเงินค่าจ้างเดินรถให้เรา ตรงเวลาตามสัญญา คือทุกวันที่ 3 บริษัทจะส่งบิลไปยังกทม. และทุกวันที่ 20 กทม. จะต้องชำระค่าจ้างให้กับบีทีเอส และหวังว่าจะจ่ายค่าจ้างเดินรถตรงเวลา เพื่อไม่ให้บีทีเอสมีภาระหนี้อีก ซึ่งการชำระหนี้ครั้งนี้ได้มีการลดดอกเบี้ย 200 ล้านบาทให้กับกทม. รวมถึงได้มีการทำสัญญาการจ่ายเงินในทุกวันที่ 20 ของเดือนด้วย“

 

 

 

นายคีรี กล่าวว่า อยากบอกว่าตนอดทนมานานเหลือเกิน และคงไม่ต้องอดทนอีก และในส่วนของบริษัท ผู้ถือหุ้น รวมถึงพนักงาน ตนพยายามทุกอย่างเพื่อให้บริษัทเดินต่อไป และไม่เคยลดน้อยในสิ่งที่พนักงาน จะต้องได้ ในส่วนผู้ถือหุ้น จากวันนี้ไป บริษัทซึ่งใช้เงินทุนสูง มีพีอีเรโช สูงอยู่ที่ 1.39 เท่า วันนี้เมื่อได้รับการชำระเงิน พีอีเรโช ได้ลงลดเหลือ1.0 กว่า ทำให้ภาพการลงทุนของบริษัทมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม

ส่วนกรณีที่ กทม. ประกาศปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้า บีทีเอส สายสีเขียว ส่วนต่อขยายเริ่มต้น 17-45 บาท จากอัตราเดิม 15 บาทตลอดสาย รวมต่อสถานีหลักจ่ายไม่เกิน 65 บาท ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไปนั้น ต้องขอชี้แจงว่า การปรับขึ้นค่าโดยสารในครั้งนี้ บีทีเอสซีไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

 

 

โดยบีทีเอสซี จะยังคงให้บริการเดินรถตามสัญญาสัมปทาน ขณะที่ กทม. ต้องชำระค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ประมาณ 740 ล้านบาท ทุกวันที่ 20 ของทุกเดือนให้กับบีทีเอสซี ซึ่งบีทีเอสซีก็คาดหวังว่า การชำระค่าจ้างเดินรถตามสัญญาดังกล่าวจะไม่ล่าช้า และตรงต่อเวลา พร้อมกับยืนยันว่า บีทีเอสซี ในฐานะคู่สัญญาสัมปทานจะยังคงให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวอย่างต่อเนื่องตามสัญญาไปจนถึงปี 2585 แม้ในส่วนของเส้นทางหลักที่จะครบสัญญาในอีก 4 ปีข้างหน้าหรือในปี 2572 ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะซื้อคืนสัญญาสัมทานรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง มองว่าเป็นแนวคิดที่ดี

” BTS เห็นด้วยกับนโยบายลดภาระค่าเดินทางให้ประชาชนของรัฐบาล ภายใต้โครงการเหมาจ่ายรายวันสำหรับบุคคลทั่วไปให้เดินทางด้วยรถไฟ้ฟ้าได้แบบไม่จำกัดเที่ยวเพียง 40 บาทต่อวัน ซึ่งหากรัฐบาลออกนโยบายดังกล่าวออกมาก็ยินดีที่จะเข้าร่วม ซึ่งคาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการเพิ่มขึ้นประมาณ 50-70% จากปัจจุบันที่ใช้บริการกว่า 2 ล้านเที่ยว-คนต่อวัน โดยบีทีเอสมีปริมาณเที่ยววิ่งพร้อมที่จะรองรับความต้องการเดินทางของประชาชน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ตำรวจระนองเดินหน้าสร้างภาพลักษณ์เชิงบวก มอบนโยบายทีมโฆษกทุกสถานี
ตามล่าคนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงิน 7-11
หัวหินเชิญชวนร้านค้าเข้าร่วม “คนละครึ่งพลัส” วันสุดท้าย
"คีรี" รับเสียดายโอกาสประเทศ ยันเดินหน้า พัฒนาสนามบินอู่ตะเภา แม้ล่าช้ากว่า 5 ปี หวัง ธ.ค. EEC มีข้อสรุปสิทธิประโยชน์ รัฐบาลเดินหน้าผลักดันโครงการให้เกิดรูปธรรม
"คีรี กาญจนพาสน์" เปิดใจต่อสู้กว่า 4 ปีจนสำเร็จ กทม.ยอมจ่ายหนี้กว่า 3.6 หมื่นล้าน ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า BTS ตามคำพิพากษาศาลปกครอง
ตร.เมืองคอนลุยปราบ “รถซิ่งท่อดัง” จับเยาวชน-ผู้ปกครองโดนคดี

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​