เผยผลชันสูตร หญิงวัย 46 ปี ดับ หลังฉีดแอสตราฯ พบภาวะบวมน้ำที่ปอด-เลือดออกถุงหุ้มหัวใจ

แพทย์เผยผลชันสูตร หญิงวัย 46 ปี ดับ หลังฉีดแอสตราฯ พบภาวะบวมน้ำที่ปอด-มีเลือดออกที่ถุงหุ้มหัวใจ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นาวาอากาศตรี นายแพทย์อรรถสิทธิ์ ดุลอำนวย หัวหน้าแผนกนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ แถลงความคืบหน้า การชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของหญิงวัย 46 ปี ที่เสียชีวิตหลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีน ว่า ไทม์ไลน์ของผู้ป่วยโดยสรุปคร่าวๆคือเวลาประมาณ 11.45 น.ผู้ป่วยได้รับการฉีดวัคซีนยี่ห้อแอสตราเซเนกา ที่ศูนย์ฉีดวิทยาลัยเทคนิคไทยบริหารธุรกิจ หลังการฉีดวัคซีนมีการสังเกตอาการจนครบ 30 นาที ผู้ป่วยไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด หลังจากกลับบ้านผู้ป่วยเริ่มมีอาการไข้ อ่อนเพลียเล็กน้อย หลังจากนั้นเวลาประมาณ 22.00 น.ผู้ป่วยบ่นไม่ไหว และมีอาการชักเกร็ง หมดสติ เพื่อนบ้านได้ช่วยทำCPR และตามรถกู้ชีพฉุกเฉิน จากนั้นเวลา 23.10 น.ทำการปั๊มหัวใจ กู้ชีพไม่สำเร็จ และมีการประกาศเสียชีวิต ซึ่งแพทย์เวรที่เดินทางไปยังที่เกิดเหตุลงความเห็นว่าตายแบบไม่ปรากฏเหตุ และตายแบบไม่ทราบสาเหตุ จึงส่งศพมาชันสูตรอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลภูมิพล

ผลการชันสูตรศพพบรายละเอียด ดังนี้ ผู้ป่วยมีภาวะบวมน้ำที่ปอดทั้งสองข้างอย่างรุนแรง พบเลือดออกในถุงหุ้มหัวใจ ปริมาณ 180 ซีซี หัวใจห้องบนขวามีการฉีกขาดซึ่งเป็นการฉีกขาดที่เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน นอกจากนี้ผู้ป่วยยังมีหัวใจตายชนิดเก่าที่หัวใจห้องล่างซ้าย และมีเส้นเลือดหัวใจตีบ ทั้ง 3 เส้น คือ เส้นหน้าซ้าย เส้นขวา และเส้นหลังซ้าย สรุปสาเหตุการตาย ของผู้ป่วยรายนี้ ผู้ป่วยมีเลือดออกที่ถุงหุ้มหัวใจจากหัวใจห้องบนขวาฉีกขาด จากกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ดังนั้นสาเหตุการตายของผู้ป่วยรายนี้ก็ได้สรุปอย่างชัดเจนตามที่ได้แจ้งนี้ ขณะนี้อยู่ในกระบวนการรวบรวมข้อมูล เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ถึงอาการไม่พึงประสงค์ ภายหลังการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันจากวัคซีน ว่าการตายของผู้ป่วยรายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนหรือไม่ ดังนั้นขอให้ติดตามการ สรุปผลของคณะกรรมการในขั้นต่อไป ซึ่งคงทราบผลได้ในเร็วๆนี้

ส่วนกรณีดังกล่าวมีการนำเสนอข่าวทำให้หลายคนเกิดความกังวลใจ ถึงสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวไมเกรน ส่งผลต่อการทำให้เกิดการเสียชีวิตหรือไม่ นาวาอากาศตรี นายแพทย์อรรถสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการเสนอข้อแนะนำไปแล้วว่าผู้ป่วยที่เป็นไมเกรนและรับประทานยาไมเกรนเป็นประจำนั้นให้งดตามข้อมูลเบื้องต้นก่อนไปฉีดวัคซีน แต่สำหรับผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้รับประทานยาไมเกรนเม็ดสีฟ้าตัวเดียวกับที่ปรากฏในข่าว ดังนั้นอาจเป็นความสับสน

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ชัชชาติ" พาคนกรุงฯแบกภาระดอกเบี้ยวันละ 5.4 ล้าน ต่อไป อ้างเหตุยื้อจ่ายหนี้ BTS งวด 2 รอศาลปกครองชี้ผลคดีค้างชำระเงิน
"บิ๊กอ้วน"อำลากลาโหม ยันเซ็นแล้วซื้อเรือดำน้ำทร. ฝูงบินกริพเพนต้องรอรมว.กลาโหมคนใหม่
“ศบ.ทก.” ยันภารกิจชายแดนยังเดินหน้าต่อเนื่อง แม้อยู่ในช่วงปรับ ครม. เตรียมประชุมเจบีซี ก.ย.นี้
"ผู้ว่า ททท." เผยปชช.ลงทะเบียน "เที่ยวไทยคนละครึ่ง" สำเร็จแล้วกว่า 3.73 แสนคน
"ชาวกัมพูชา" นับร้อย แห่ข้ามแดนกลับประเทศ หวังร่วมทำงานกับ "กลุ่มจีนเทา"
"กมธ.สว." เชื่อ "แพทองธาร" สะดุดเก้าอี้ รมว.วัฒนธรรม ย้ำหมดคุณสมบัติ ปมจริยธรรม ถึงแก้เกมก็ไม่รอด
Pacific Links Thailand จัดกิจกรรมขอบคุณสื่อมวลชน พร้อมเปิดตัวแพ็กเกจสมาชิกองค์กรสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำประสบการณ์กอล์ฟระดับโลกในประเทศไทย
"พระลูกวัด" วัดม่วง บางแค พบพิรุธล็อกประตูกุฏิ 5 ชั้น เงิน-ทองหายไร้รอยงัด รอตร.สอบขยายผล
“พล.ท.นันทเดช” โต้พรรคส้ม ยันม็อบ “รวมพลังแผ่นดินฯ” ไม่ใช่คนรุ่นเก่า จวกกลับฝ่ายค้าน อยู่ 2 ปีกว่า ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
วงจรปิดจับภาพชัด สาวข้ามทางม้าลาย "รถเมล์" เปิดเลนย้อนศร ชนกระเด็น ด้านเพื่อนเผยอาการล่าสุด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น