วันที่ 31 พ.ค.- ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการบริหารจัดการผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายเรือนจำว่า รัฐบาลได้กำหนดมาตรการเว้นระยะห่าง แต่ภายในเรือนจำไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะเวลานอน ซึ่งตามมาตรฐานสากลต้องกำหนดพื้นที่ 2.25 ตารางเมตรต่อคน วันนี้ยังทำได้ไม่ถึง จึงทำให้ผู้ต้องขังใกล้ชิดกันแบบหายใจรดต้นคอ ทำให้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก หากจะต้องสร้างเรือนจำเพิ่มให้ได้ตามมาตรฐานสากล จะต้องสร้างเพิ่มเติมอีก 100 เรือนจำ ซึ่งจะใช้งบประมาณก่อสร้างเรือนจำละ 1,500 ล้านบาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะนำงบประมาณมาใช้ในส่วนนี้
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วิธีการหยุดยั้งเชื้อโควิด-19 ที่ดีที่สุดในตอนนี้ เบื้องต้นได้เสนอนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เพื่อขอวัคซีนโควิด-19 มาฉีดให้กับผู้ต้องขังให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะผู้ต้องขังที่ยังไม่มีการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ขอให้สบายใจได้ว่าแม้เรือนจำในแต่ละแห่งจะมีการติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมาก แต่ทุกอย่างยังอยู่ในกรอบ และรักษาหายจนปกติเช่น เรือนจำเชียงใหม่และนราธิวาส พร้อมย้ำว่าขออย่าตกใจในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงนี้ใกล้ช่วงวันเฉลิมพระเกียรติฯ ที่จะมีการอภัยโทษให้กับนักโทษ มั่นใจได้อย่างไรว่าผู้ต้องขังที่พ้นโทษจะไม่มีการแพร่เชื้อโควิด-19 ออกมาภายนอก นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีเวลาพิจารณาเหลืออีก 58 วัน ยืนยันว่าเราได้ยื่นขอวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว ซึ่งจะมีการฉีดให้กับผู้ต้องขัง รวมถึงผู้ต้องขังที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงด้วย ส่วนความคืบหน้าในการขอวัคซีนให้กับผู้ต้องขังได้เรือนจำนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และนายอนุทิน จะแถลงความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้ง
เมื่อถามว่า กรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบผ่านงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท ให้กับกรมราชทัณฑ์เพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 ในเรือนจำ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า งบประมาณดังกล่าวจะนำไปปรับปรุงสร้างเรือนจำโครงสร้างเบา จากเดิมทีที่สร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหานักโทษล้นคุก แต่ตอนนี้จะมีการปรับพื้นที่รองรับตัวผู้ต้องขังใหม่ เพื่อไม่ให้เข้าไปปะปนกับผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำเดิม ทั้งนี้งบประมาณของกระทรวงยุติธรรมได้รับน้อยอยู่แล้ว แต่เราจะทำให้ดีที่สุดและทำเพื่อรอวัคซีนโควิด-19 ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งตนเข้าใจรัฐบาลที่กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อยู่ และเชื่อว่าวัคซีนโควิด-19 จะมาแน่นอน