วันที่ 27 ม.ค. 2565 จากการที่ผู้สื่อข่าวจังหวัดตรัง ลงพื้นที่สังเกตการณ์บริเวณเส้นทางม้าลายข้ามไปยังโรงพยาบาลศูนย์ตรังซึ่งมี 2 จุด มีประชาชนที่เดินทางมาเข้าใช้บริการรักษาอาการป่วย ญาติผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล และประชาชนทั่วไปที่ใช้เส้นทางดังกล่าวในการเดินทางไปทำงานและภารกิจต่าง ๆ แต่ละวันเป็นจำนวนมาก โดยจุดที่อยู่หน้าโรงพยาบาลตรัง อยู่ใกล้กับประตูทางเข้าโรงพยาบาลจึงมีผู้ใช้ถนนมากเป็นพิเศษเพื่อข้ามไปยังโรงพยาบาล และนอกจากนี้ยังมีรถบริการผู้ป่วย รถกู้ภัย รถโรงพยาบาล รถของญาติที่มาส่งผู้ป่วยต้องขับชะลอผ่านเส้นดังกล่าวเพื่อเลี้ยวเข้าไปส่งผู้ป่วยในโรงพยาบาล ทำให้การจราจรค่อนข้างแออัด รถส่วนใหญ่จะไม่ชะลอหรือจอดรถให้ผู้ใช้ถนนข้าม รถหลายคันจอดปิดเส้นทางม้าลาย รถบางคันเห็นผู้ใช้ถนนเดินมาก็ยังขับผ่านไป บางครั้งก็ขนาบหน้าหลังผู้ใช้ถนนต้องยืนอยู่กลางถนนถอยหลังก็ไม่ได้เดินหน้าก็ไม่ได้ บางคันก็บีบแตรเสียงดังไล่ผู้ใช้ถนน
จากการสอบถาม นางวลีพร เล่าส้ม หรือพี่พร แม่ค้าหน้าโรงพยาบาลศูนย์ตรัง ที่มาเปิดแผงขายทุกวันเล่าให้ฟังว่า เส้นทางนี้มีคนใช้ถนนจำนวนมาก แต่สิ่งที่ตนได้ยินจากคนใช้ถนนมาบ่นให้ฟังคือ คนขับรถไม่มีน้ำใจ รถขับเร็วมาก หากมีคนเดินข้ามถนนก็บีบแตรไล่ ไม่มีการจอดให้คนข้ามผ่าน ถึงมีก็น้อยมาก ยิ่งในช่วงที่มีคนมาใช้บริการโรงพยาบาลมาก ๆ ผู้ใช้ถนนต่างไม่กล้าข้ามถนน จึงอยากขอร้องให้ผู้ใช้รถหากเห็นคนข้ามถนนทางม้าลายช่วยจอดรถให้ข้ามหน่อย ซึ่งบริเวณดังกล่าวจะมีตำรวจที่ป้อมยาม ตำรวจจราจรมาบริการ แต่พอไม่มีตำรวจจราจรก็กลับมาปฏิบัติเหมือนเดิม ขนาดตนเองนั่งอยู่ริมทางได้ยินเสียงบีบแตรยังตกใจสะดุ้ง
ส่วนทางด้าน พ.ต.ท.อาคม บัวทอง รอง ผบก.ภจว.ตรัง กล่าวว่า ในเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นยังคงยึดหลักว่าเจ้าหน้าที่ ประชาชนและหน่วยงานงานต่าง ๆ ต้องร่วมมือกัน ความมีวินัยของคน สภาพของรถ และคุณภาพของถนน 3 อย่างที่เกี่ยวข้องต้องคอยดูแลให้ดี ต้องมีวินัยในการใช้รถใช้ถนน ที่สำคัญการบังคับการใช้กฎหมายก็จะทำให้อุบัติเหตุลดน้อยลง สำหรับการมีน้ำใจของคนขับรถตนคิดว่าควรจะใช้คำว่ามีวินัยจะตรงกว่า คำว่าการมีน้ำใจคนขับรถบางคนก้มองว่าที่ตนทำก็คือการมีน้ำใจ แต่คนที่เดินหรือคนใช้ถนนคิดว่าทำไมไม่มีน้ำใจ ตนมองว่าวินัยในการปฏิบัติตามกฎจราจรตนมองว่าเป็นตัวที่ทำให้ทุกคนมีน้ำใจกัน