CNN และสำนักข่าวท้องถิ่นอินเดียอ้างรายงานของสมาคมแพทย์อินเดียที่คาดการณ์ว่าอินเดียได้สูญเสียแพทย์ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ไปแล้วอย่างน้อย 1 พัน 25 คน นับตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว โดยในช่วงการระบาดระลอกแรกมีแพทย์เสียชีวิตไปไม่ต่ำกว่า 756 คน ส่วนระลอกสองคือการแพร่ระบาดในขณะนี้เสียชีวิตไปแล้ว 269 คน และรอบหลังนี้ส่วนใหญ่เป็นแพทย์วัยหนุ่มสาวที่เป็นกำลังสำคัญของชาติ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วเสียชีวิตราว 20-25 คนต่อวัน และเฉพาะวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเสียชีวิตไปอย่างน้อย 50 คน
ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นกรุงนิวเดลีก็ประกาศจะให้เงินชดเชยกับทุกครอบครัวที่สูญเสียสมาชิกจากไวรัสโควิดครอบครัวละ 684 ดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 2 หมื่น 500 บาท และถ้าผู้เสียชีวิตเป็นเสาหลักในครอบครัวจะได้เพิ่มอีก 34 ดอลล่าร์หรือราว 1 พันบาท และในกรณีที่เด็กสูญเสียทั้งพ่อและแม่จากโควิดจะได้ 1 พันบาทต่อเดือนไปจนถึงอายุ 25 ปีและได้ทุนการศึกษาเรียนฟรีด้วย อย่างไรก็ตามรายงานเผยว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่กรุงนิวเดลีเริ่มลดลงแล้ว โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ประมาณ 4 พัน 500 ราย
อย่างไรก็ตามในเรื่องร้ายๆก็มีเรื่องราวที่น่าประทับใจอยู่บ้าง โดยที่หมู่บ้านเล็กๆในชนบทห่างไกลที่รัฐเตลังคานา มีเด็กหนุ่มวัย 18 ปี ชื่อนายศิวะ เป็นนักศึกษาปี 1 ได้กักตัวเองบนต้นไม้ นาน 12 วัน เพราะไม่ต้องการให้คนในครอบครัวติดโควิด รายงานเผยว่าศิวะเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดหลังจากมหาวิทยาลัยปิดเนื่องจากโควิด แต่เขาตรวจพบว่าตัวเองติดเชื้อโควิด และในหมู่บ้านเล็กๆของเขาก็ไม่มีศูนย์กักตัว ที่บ้านเองก็เป็นบ้านหลังเล็กๆ ทุกคนอยู่รวมกัน ไม่สามารถกักตัวได้ วันแรกศิวะลงทุนนอนนอกบ้าน วันรุ่งขึ้นนายศิวะจึงตัดสินใจสร้างบ้านบนต้นไม้บริเวณหน้าบ้าน เขาเก็บไม้แถวนั้นก่อเป็นโครงและใช้เชือกมัดมันไว้ด้วยกัน โดยมีแม่และน้องสาวคอยนำอาหารและน้ำมาวางไว้ที่ใต้ต้นไม้ให้
ศิวะใช้เวลาอยู่บนต้นไม้ในการเล่นมือถือ,อ่านหนังสือ,แชทคุยกับเพื่อนๆ และฟังเพลงแต่สิ่งที่น่าประทับคือคำพูดของนายศิวะที่ระบุว่า “ผมไม่สามารถปล่อยให้คนครอบครัวได้รับผลกระทบจากโควิด “ หลังกักตัวจนครบ ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 17 พ.ค. นายศิวะลงจากต้นไม้ รู้สึกดีขึ้น และกำลังจะเข้าไปรับการตรวจหาเชื้อโควิดอีกครั้ง