วันที่ 28 พ.ย. 2564 นายวีระพรรณ สุขะวัลลิ นายอำเภอท่าศาลา พร้อมด้วยนายแพทย์กิตติ รัตนสมบัติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าศาลา ทีมสาธารณสุข และเพื่อนบ้านเดินทางเข้าเยี่ยมนางล้วน ชุมทอง หรือ “ยายล้วน” อายุ 85 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ที่ 3 ต.กลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งก่อนหน้านี้ยายล้วน เป็นผู้ป่วยติดเตียง นานเกือบ 3 ปี ด้วยโรคประจำตัว หลายอย่างรวมกัน ประกอบด้วย เบาหวาน ความดัน ไขมันสูง และอื่นๆ นพ.กิตติ รัตนสมบัติ ผอ.รพ.ท่าศาลา เปิดเผยว่าสืบเนื่องจากเมื่อวันพุธที่ 24 พ.ย.2564 ที่ผ่านมา ทีมรพ. สต. ต.กลาย มาฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรก แอสตร้าฯ ให้คุณยายล้วนตอนประมาณเที่ยงวัน หลังจากนั้น คุณยายล้วนก็นอนพักผ่อนบนเตียงผู้ป่วยภายในบ้านตามปกติ จนเช้าวันพฤหัสบดี ที่ 25 พ.ย.2564 ผ่านมา คุณยายล้วนเรียกลูกชาย และบุคคลในบ้าน และบอกว่า มีอาการดีขึ้น เสมือนว่าแขนขาเริ่มขยับได้ จึงขอให้ ลูกหลาน นำลงจากเตียงผู้ป่วย ทดลองเดินไปมา สามารถเดินอย่ากระฉับกระเฉง อาการป่วย ปวดเมื่อยตามแขนขา ที่เคยล้ามาเกือบ 3 ปี เริ่มหายเป็นปลิดทิ้ง “ หลังเพื่อนบ้านทราบข่าว พากันเดินทางมาเยี่ยมคุณยายล้วน ซึ่งคุณยายล้วน ได้ออกมาต้อนรับ พร้อมเล่าอาการของตัวเองหลังฉีดวัคซีนให้เพื่อนบ้านฟังอย่างคล่องแคล่วและมีความสุข พร้อมนำเข้าของมาแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาเยี่ยม และยังลุกขึ้นเดินโชว์นายอำเภอ ผอ.รพ.และคณะพร้อมสื่อมวลชนอีกด้วย”
นพ.กิตติ รัตนสมบัติ กล่าวอีกว่า ในเบื้องต้นที่ทราบข่าวก็ยังไม่เชื่อ เพราะดูในประวัติผู้ป่วยจากทางรพ.ท่าศาลาแล้ว มีหลายโรค รวมกัน จึงนำทีมเดินทางมาตรวจสอบด้วยตัวเอง เมื่อมาเจอที่บ้านพบเตียงผู้ป่วยอยู่ภายในบ้าน ลูกหลานก็เล่าให้ฟังประกอบกับลูกชายของคุณยายล้วนได้ทำงานช่วยเหลือโรงพยาบาลขนย้ายผู้ป่วย จากในพื้น ต.กลาย ไปยังโรงพยาบาลท่าศาลา เมื่อตนได้พบคุณยายล้วน และตรวจดูร่างกาย จึงพบว่าเดินได้จริงเหมือนผู้สูงวัยทั่วไป “ทางการแพทย์เบื้องต้นสันนิษฐานว่าการรับวัคซีนเป็นการกระตุ้นเซลล์ในร่างกาย อวัยวะต่าง ๆ ตลอดถึงหัวใจทำให้มีแรงขึ้นประกอบกับภาวะทางด้านจิตใจ เมื่อลูกหลานที่ทราบข่าวมาเยี่ยม เป็นแรงขับเคลื่อน ทำให้มีกำลังใจมากขึ้นเป็น 2 แรงบวกกระตุ้นให้ร่างกายแข็งมากขึ้นทำให้ร่างกายที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงเกือบ 3 ปี หายเป็นปกติในที่สุด นับเป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้การรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากโซเชี่ยลว่าการรับการฉีดวัคซีนแล้วจะมีผลลบต่อร่างกาย หรือมีอาการแทรกซ้อน ซึ่งการที่มีข่าวลักษณะแบบนี้ ส่งผลให้ประชาชนที่เคลือบแคลงสงสัย วิตกกังวลเรื่องของการฉีดวัคซีน ทำให้ตัวเลขการฉีดวัคซีนน้อย ต่อไปผู้ที่กลัวผู้ที่กังวลในการฉีดวัคซีน ได้เริ่มหันมามองและมั่นใจการฉีดวัคซีน และมีแรงจูงใจฉีดวัคซีนกันมากขึ้น อย่างแน่นอน” นพ.กิตติ รัตนสมบัติ กล่าวต่อไปอีกว่าโอกาสนี้จึงชวนเชิญ พี่น้องชาวท่าศาลาหรือประชาชนทั่วไปเข้ารับวัคซีนโควิด-19 ที่ทางโรงพยาบาลและทีมสาธารณสุขจะจัดหน่วย ในพื้นที่ต่าง ๆ ตลอดถึง การเดินทางไปฉีดบริการตามบ้าน สำหรับผู้สูงวัยและผู้ป่วยติดเตียงอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านนายวีระพรรณ สุขะวัลลิ นอภ.ท่าศาลา กล่าวว่า อำเภอท่าศาลา ทำทุกวิถีทาง ทั้งฝ่ายปกครอง,โรงพยาบาลและทีมสาธารณสุข ตลอดถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รณรงค์ทุกช่องทาง จูงใจให้ประชาชนนั้นมาฉีดวัคซีน ได้มากที่สุด มีการจูงใจด้วยการจับหางบัตร ชิงรางวัลลูกวัว,แพะ ตลอดถึงชิงรางวัลสร้อยทองคำประชาสัมพันธ์เชิงรุก เดินเคาะประตูถึงบ้านให้ทุกคนมาฉีดวัคซีน เดินไปตาม หมู่บ้านเป้าหมาย ที่อสม.มีข้อมูลอยู่ในมือว่าคนไหนยังไม่ฉีดวัคซีนบ้าง จนถึงขณะนี้การฉีดวัคซีนโควิด-19 ของอำเภอท่าศาลาอยู่ในระดับต้นๆของจังหวัด อยู่ในจุดที่น่าพอใจ สำหรับกรณีของคุณยายล้วนสามารถ เดินได้หลังฉีดวัคซีน จากต้องเป็นผู้ป่วยติดเตียงเกือบ 3 ปี เชื่อเป็นแรงจูงใจที่ทำให้ประชาชนรับวัคซีนกันมากขึ้น นายอำเภอท่าศาลา กล่าวย้ำในที่สุด.
ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช
