No data was found

ศาลรธน. วินิจฉัย ‘รุ้ง-ไมค์-อานนท์’ปลุกม็อบปฏิรูปสถาบันฯ เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

กดติดตาม TOP NEWS

ศาลรธน. วินิจฉัย 'รุ้ง-ไมค์-อานนท์'ปลุกม็อบปฏิรูปสถาบันฯ เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2563 นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดินในฐานะผู้ร้องคดีแกนนำ ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการปราศรัยของ อานนท์ นำภา, ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์, ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง, พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์, สิริพัชระ จึงธีรพานิช, สมยศ พฤกษาเกษมสุข และ อาทิตยา พรพรม รวม 8 ราย ร่วมปราศรัยเสนอข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ จากการชุมนุมปราศรัยใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อ 10 ส.ค. 2563 ว่า เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่ และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยรับคำร้องไว้พิจารณา 3 ราย ประกอบด้วย อานนท์ นำภา , ไมค์ ภาณุพงศ์ และ รุ้ง ปนัสยา

ตามไทม์ไลน์สำคัญดังนี้
วันที่ 13 ก.ย. 2563 ปนัสยา ได้รับสำเนาคำร้องและหนังสือแจ้งให้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
วันที่ 2 พ.ย. 2563 อานนท์ , ภาณุพงศ์ , ปนัสยา มอบหมายให้ทนายความยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา คำร้องขอยื่นบัญชีพยานบุคคล บัญชีพยานบุคคล และคำร้องขอให้ศาลทำการไต่สวน
วันที่ 4 พ.ย. 2563 ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือแจ้งถึงผู้รับมอบฉันทะผู้ถูกร้องทั้งสาม ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา พร้อมบัญชีระบุพยานดังกล่าวรวมไว้ในสำนวน ส่วนคำร้องขอให้ทำการไต่สวนนั้น เมื่อศาลสั่งแล้วจะแจ้งให้ทราบต่อไป
วันที่ 27 ก.ย. 2564 ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือแจ้งถึงผู้ถูกร้องทั้งสาม และผู้รับมอบฉันทะผู้ถูกร้องทั้งสาม ว่าตามที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีของผู้ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยศาลรัฐธรรมนูญสั่งรับคำร้องไว้วินิจฉัยนั้น ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย ในวันที่ 10 พ.ย. 2564
วันที่ 1 ต.ค. 2564 ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือแจ้งถึงผู้รับมอบฉันทะผู้ถูกร้องทั้งสาม ว่าตามที่ผู้ถูกร้องทั้งสามยื่นคำร้องขอให้ทำการไต่สวน ฉบับลงวันที่ 2 พ.ย. 2563 นั้น ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อศาลยุติการไต่สวนแล้วไม่มีเหตุที่จะพิจารณาคำร้องขอฉบับดังกล่าว

โดยก่อนหน้านั้น รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สรุปใจความสำคัญของปราศรัยว่า นาย ภานุพงศ์ จาดนอก ได้ปราศรัยเปรียบเทียบสถาบันกษัตริย์ว่า เหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งตั้งอยู่ในที่ที่จะมีการตัดถนนผ่าน เพื่อนำความเจริญมาสู่พื้นที่ จึงควรขุดต้นไม้ต้นนั้นออกเพื่อนำไปไว้ในที่ที่ควรอยู่ ซึ่งสื่อความหมายชัดเจนว่า สถาบันกษัตริย์เป็นอุปสรรคขัดขวางความเจริญของประเทศ

รวมถึงยังระบุว่า ปัจจุบันประะเทศเรายังคงอยู่ในระบอบสมบูรญาสิทธิราช เพราะกษัตริย์ยังคงอยู่เหนืออำนาจอธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของ เพราะในรัฐธรรมนูญหมวด 2 ระบุว่า ผู้ใดจะฟ้องร้องพระมหากษัตริย์มิได้ พระมหากษัตริย์จึงอยู่เหนือประชาชน ประชาชนแตะต้องไม่ได้ เพราะหากแตะต้องจะต้องโดนมาตรา 112

กษัตริย์ควรจะต้องกลับมาอยู่ในประเทศไทย ไม่ควรอยู่ที่ประเทศเยอรมัน เพราะเป็นการเปลืองภาษีประชาชน ประเทศนี้เป็นของประชาชน มิใช่เป็นของกษัตริย์อย่างที่เขาหลอกลวง
นาย ภานุพงศ์เรียกร้องให้ลดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ลง และสุดท้ายยังกล่าวโจมตีตำรวจว่า คุกคามประชาชน เป็นสุนัขรับใช้เผด็จการ และยังท้าทายด้วยความฮึกเหิมว่า
“แกนนำโดนจับวันไหน วันนั้นมึงต้องเจอกับประชาชนทั้งแผ่นดิน”

ส่วน รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนวงศ์ ปราศรัยด้วยถ้อยคำเสียดสีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยบอกว่า ในหมายจับที่มาจับแกนนำเขียนว่า “ในพระปรมาภิไธย” นางสาว ปนัสยาไม่ทราบหรือแกล้งไม่ทราบแต่ต้องการให้คนฟังเข้าใจผิดว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสั่งให้จับ แต่ความจริงศาลเป็นผู้ออกหมายจับ เป็นธรรมดาที่ในหมายจับต้องมีคำว่า “ในพระปรมาภิไธย”อยู่แล้ว

รุ้ง ปนัสยา พยายามชี้ให้ผู้ชุมนุมเห็นว่า ทุกคนเกิดมาต้องเท่ากัน ไม่มีใครเกิดมาสูงศักดิ์กว่าใคร พวกเขาหลอกลวงว่า ผู้ที่เกิดมาในราชวงศ์ เป็นเทพ เทวดาลงมาเกิด ถ้าจริง ทำไมเทพจึงมีนิสัยใจคอเช่นนี้ พวกเขาสร้างเรื่องขึ้นเพื่อ “กดขี่ข่มเหง และเสวยสุขบนความทุกข์ยากของประชาชน”

และ ตั้งข้อกล่าวหา และพยายามโน้มน้าวให้ผู้ชุมนุมเชื่อว่า สถาบันกษัตริย์มีส่วนในการอุ้มฆ่าผู้เห็นต่างทางการเมือง กรณี กาสะลอง ภูชนะ สุรชัย แซ่ด่าน และวันเฉลิม ทั้งที่ทั้งหมดเป็นเพียงข่าวลือ และเน้นย้ำว่า ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนต้องมีเสรีภาพในการแสดงออก ต้องสามารถพูดอะไรก็ได้ที่อยากพูด แม้กระทั่งจะพูดว่า ไม่ต้องการสถาบันกษัตริย์ก็จะต้องพูดได้ และยังได้อ่านข้อเรียกร้อง 10 ข้อในการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ที่เป็นที่ทราบภายหลังว่าผู้อื่นเขียนให้อ่านอีกด้วย

ขณะที่ นาย อานนท์ นำภา ระบุว่า ทุกคนที่พูดก่อนหน้าตนเอง เป็นเรื่องจริง ปัญหาในขณะนี้คือ สถาบันกษัตริย์พยายามขยายพระราชอำนาจผ่านคณะรัฐประหาร 2557 พวกเราเป็นลูกหลานของคณะราษฎร จะต้องทำหน้าที่แทนคณะราษฎร สานต่องานของคณะราษฏรให้สำเร็จ สถาบันกษัตริย์ต้องอยู่เหนือการเมือง และอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ สถาบันกษัตริย์ต้องปรับตัวเข้าหาประชาชน ไม่ใช่ให้ประชาชนปรับตัวเข้าหาสถาบันกษัตริย์ นาย อานนท์เสนอให้นำเรื่องนี้เข้าสภา และให้ขีดเส้นตายว่า ภายในวันที่ 1 ธันวาคม ต้องไม่มี สว.ขี้ข้าเผด็จการในการเมืองไทย และเรียกร้องให้ทุกคนต่อสู้เคียงบ่าเคียงใหล่กันจนกว่าจะถึงเส้นชัย

https://www.facebook.com/harirak.sutabutr/posts/4942717462405436

ล่าสุด ตุุลาการศาลรธน.ได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ก่อนอ่านคำวินิจฉัย โดยทางด้าน ทนายกฤษฎางค์ นุจรัส พร้อมด้วย รุ้ง ปนัสยา ได้แถลงต่อศาล ขอออกนอกห้องพิจารณาคดี ไม่ขอรับฟังคำวินิจฉัยของศาล รธน. โดย อานนท์ และ ภาณุพงศ์ ยังถูกควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

โดยคำวินิจฉัย สรุปใจความสำคัญได้ว่า ที่ผ่านมาศาลรธน. ได้ให้โอกาสทุกฝ่ายใช้สิทธิ์ในการดำเนินการชี้แจงข้อกล่าวหามาโดยตลอด และเป็นการแสวงหาข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย ต่อเนื่องกว่า 1 ปีทีผ่านมา จากพฤติการณ์ของ ผู้ถูกร้องที่ 1 , 2 และ 3 ในการปราศรัย อภิปราย เรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในหลายมาตรา อาทิ เสนอให้ยกเลิกมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ ที่ว่าผู้ใดจะกล่าวหาฟ้องร้องพระมหากษัตริย์มิได้ , เสนอให้ยกเลิกมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ ที่ว่าผู้ใดจะกล่าวหาฟ้องร้องพระมหากษัตริย์มิได้ , เสนอให้ยกเลิก พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2561 และให้มีการแบ่งแยกระหว่างทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการคลังและทรัพย์ส่วนพระองค์ที่เป็นส่วนตัวของพระมหากษัตริย์ให้ชัดเจน , เสนอให้ปรับลดงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรให้สถาบันพระมหากษัตริย์ , เสนอยกเลิกส่วนราชการในพระองค์และหน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่มีความจำเป็น เช่น องคมนตรี

การเสนอให้ยกเลิกการบริจาคและการรับบริจาคโดยสมเด็จพระราชกุศลทั้งหมด , การเสนอยกเลิกพระราชอำนาจในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะของพระมหากษัตริย์ , การเสนอยกเลิกพระราชอำนาจในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะของพระมหากษัตริย์ , เสนอให้สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสังหารเข่นฆ่าราษฎรที่วิพากษ์วิจารณ์หรือมีส่วนเกี่ยวข้องใดกับพระมหากษัตริย์ เป็นต้น

แม้ว่าผู้ถูกร้องจะอ้างเรื่องการใช้สิทธิตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ แต่การใช้พื้นที่สาธารณะในการแสดงความเห็นต้องไปภายใต้บทบัญญัติกฎหมาย รวมถึงขอบเขตเสรีภาพที่อ้างถึงผู้กระทำต้องมีความรับผิดชอบต่อการกระทำเหล่านั้นด้วย ขณะที่มีข้อเท็จจริงว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นสถาบันที่มีได้รับการเทิดทูน เคารพของปวงชนชาวไทย ตามระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ระบุว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้

ในทางตรงข้ามที่ผ่านมาผู้ถูกร้องได้แสดงพฤติการณ์ต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นวิธีคิด วิธีปฏิบัติ ต่อการละเมิดกฎหมาย มาโดยตลอด และเป็นขบวนการโดยการใช้ข้อมูลเท็จ ให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ กระทั่งก่อให้เกิดความรุนแรงในสังคม ด้วยเจตนาบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย ว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิและความเสมอภาคบุคคล ตามห้วงลำดับเวลาที่ผ่านมา

ถือได้ว่าผู้ร้องทั้ง 3 มีเจตนาล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามบทบัญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 คือ มาตรา 49

บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้

ผู้ใดทราบว่ามีการกระทำตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้

ในกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ หรือไม่ดำเนินการภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ผู้ร้องขอจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้

การดำเนินการตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการตามวรรคหนึ่ง

วินิจฉัย การกระทำของ อานนท์ รุ้ง ไมค์ มีเจตนาล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีเจตนาละเมิดกฎหมาย จึงสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว พร้อมสั่งห้ามเรียกร้อง ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ อีกในอนาคต เนื่องจากถือเป็การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

กต.สั่งตรวจสอบภาพ "ทหารอิสราเอล" ชูธงชาติไทย หวั่นเกิดผลกระทบตามมา
"พิพัฒน์" kick off ตรวจสุขภาพเชิงรุกสถานประกอบการทั่วประเทศ ดีเดย์ปทุมธานีที่แรก คัดกรองโรคทันสมัย รู้ผลรวดเร็ว
"คุรุสภา" ไม่รอช้า สั่งพักใบอนุญาตวิชาชีพ "รองผอ.ร.ร.ดัง" ย่านนนทบุรี คดีค้ายาเสพติด
รู้จัก "เห็ดขี้ควาย" หนุ่มสถาปัตย์เพาะขาย 2 ปี โกยหลายแสนบาท
“รองแต้ม” ไม่ปลื้ม หลังถูกอ้างชื่อเอี่ยวคดี “ส่วยเว็บพนันฯ” ชี้ปม “ทนายตั้ม” แฉวงการสีกากี ต้องยึดตามพยานหลักฐาน
สหรัฐ เยเลนจะเตือนจีนเรื่องเงินหนุนอุตสาฯพลังงานสะอาด
จีนเตือนภัย ‘พายุทราย’ ระดับสีเหลือง
อัปเดตล่าสุด อาการ “บุ้ง ทะลุวัง” อดอาหารจนเห็นกระดูกชัดมาก
"นายกฯ" มอบนโยบาย "กรมศุลกากร" ลั่นปัญหาทุจริตเยอะรบ.รับไม่ได้ กำชับวิ่งเต้นในกรมศุลฯต้องไม่มีเกิดขึ้น
อาหารเสริมข้าวยีสต์แดงบริษัทญี่ปุ่น ดับแล้ว 4 ราย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น