เหยื่อร้อง Top News ถูกตัวแทนนายหน้าประกัน โกงค่าสินไหมอุบัติเหตุกว่าแสน เชื่อทำเป็นขบวนการ
ข่าวที่น่าสนใจ
6 ก.ค.2568 นายชัชวาลย์ ปลื้มเกษร ผู้เสียหายเข้าร้องเรียนผ่านสำนักข่าว Top News ถูกคู่กรณีขับรถชนท้าย จากนั้นมี นายหน้าประกันเข้ามารับเรื่องดูแล แต่กลับถูกหลอกให้เซ็นเอกสารมอบอำนาจทำการแทน ไปเรียกค่าสินไหมสูงกว่าความเป็นจริง สุดท้ายผู้เสียหายได้เงินมาไม่ครบ นายประกันอ้างว่า สาเหตุที่ได้เงินไม่ครบ เนื่องจากนำเงินส่วนที่เหลือไปเคลียร์หลายส่วน จึงทำให้รู้สึกว่า ถูกฉ้อโกงค่าสินไหมประกันรถชน
นายชัชวาลย์ เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กันยายน 2567 ตนเองขี่รถจักรยานยนต์ กำลังจะไปส่งภรรยาที่ทำงาน ระหว่างนั้น มีรถยนต์ขับรถมาชนท้าย เหตุเกิดบนถนนแพรกษา จ.สมุทรปราการ ตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ซี่โครงหักและบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง เจ้าหน้าที่กู้ภัยพาไปส่งโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แต่อยู่ได้เพียงคืนเดียวต้องออกมารักษาต่อที่โรงพยาบาลรัฐ เนื่องจากแบกค่ารักษาไม่ไหว ตนเองต้องนอนพักรักษาอาการบาดเจ็บนานกว่า 3 เดือน ไม่สามารถทำงานได้
หลังรักษาอาการบาดเจ็บจนดีขึ้น ตนเองได้ไปติดตามคดีความที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อต้องการแจ้งความและทำเรื่องขอ ค่าสินไหมทดแทน จากบริษัทประกันภัยคู่กรณี ร้อยเวรเจ้าของคดีได้เรียกนายหน้าประกันรายหนึ่ง เพื่อมาพูดคุยเรื่องค่าสินไหมทดแทน โดยนายหน้ารายนี้อ้างว่า เป็นเจ้าของสำนักงานทนายความแห่งหนึ่ง และจะมอบหมายให้ทีมงานอีกคนรับเรื่องร้องทุกข์ เป็นหญิงสาว ชื่อเล่นว่า “จูน” ตอนนั้นตนเองปฏิเสธที่จะไม่ขอไกล่เกลี่ย แต่จะขอแจ้งความดำเนินคดี แต่ร้อยเวรบอกว่าถ้าไม่ทำตาม ก็จะแจ้งข้อหาประมาทร่วม ตนเองจึงต้องยอมทำตามที่ร้อยเวรคนดังกล่าวบอก
จากนั้น หญิงสาวชื่อ จูน มาสอบถามตนเองว่า ต้องการเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ ตนเองก็บอกว่า ขอแค่ชดใช้ในส่วนของค่ารักษาตามจริง และค่าเสียโอกาสขาดรายได้ จากการรักษาตัวเป็นเวลากว่า 3 เดือน หญิงสาวชื่อ จูน ได้นำหนังสือสัญญารับมอบอำนาจมาให้ตนเองเซ็น ตอนนั้นในหนังสือยังไม่ได้เขียนข้อความใด ๆ ลงไป แต่หญิงสาวชื่อ จูน ให้ตนเองเซ็นชื่อไว้ก่อน ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร จึงเซ็นไป
หญิงสาวชื่อ จูน ยังได้ให้ตนเองไปเปิดบัญชีธนาคาร พร้อมบัตร ATM แต่ไม่ต้องสมัครแอพพลิเคชั่น จากนั้นก็เก็บบัตร ATM และ สมุดบัญชี ของตนเองไป ด้วยความแปลกใจ ตนเองจึงแอบไป โหลด Application ธนาคารไว้ เวลาผ่าน 2-3 เดือน ก็มีเงินกว่า 230,000 บาท เข้าบัญชี ตอนนั้นตนเองก็ไม่เข้าใจว่า เป็นเงินอะไร จึงได้โทรไปอายัดจำนวนเงินดังกล่าว ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่า อาจมีคนโอนเงินมาผิดบัญชี
ต่อมา ชายที่อ้างตัวว่า เป็นทนายความ ที่เจอกับตนเองที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ โทรมาหาลูกสาวตนเอง บอกว่า ทำไมเงินถึงกดไม่ได้ ชายรายนี้บอกว่า เป็นเงินสินไหมที่บริษัทประกันภัยคู่กรณีโอนมา ตอนนั้นตนเองไม่เข้าใจ ทำไมถึงโอนมา เพราะยังไม่ได้เจรจาพูดคุยใดๆกับฝั่งคู่กรณีเลย ฝั่งทนายความที่เป็นนายหน้าประกัน ก็บอกว่า ได้ทำหนังสือเรื่องการรักษาพยาบาล และค่าสินไหม ส่งให้บริษัทประกันภัยคู่กรณีแล้ว โดยเขียนไปเป็นเงินจำนวนเงินกว่า 4 แสนบาท แต่บริษัทประกันภัยได้จ่ายตามจริง โดยจ่ายมาแค่ 230,000 บาท โดยฝั่งนายหน้าเคลมประกัน ได้ให้ตนเองเพียง 100,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 130,000 บาท หญิงสาวชื่อ จูน เป็นคนเอาไป โดยอ้างว่า จะนำไปเคลียร์ให้กับเจ้าหน้าที่ และเป็นค่าน้ำร้อนน้ำชาให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ตนเองจึงมองว่า ไม่น่าจะถูกต้อง จึงตัดสินใจไปแจ้งความเอาผิด หญิงสาวชื่อ จูน และ ทนายความที่มาเจรจากับตนเอง ในข้อหาฉ้อโกง ที่ สภ.บางปู
นอกจากนี้ยังได้ไปสอบถาม เรื่องค่าสินไหมทดแทนกับบริษัทประกันภัยคู่กรณี ซึ่งบริษัทประกันภัย ก็ได้ชี้แจงกลับมาว่า จำนวนเงินค่าสินไหม 230,000 บาท แบ่งเป็น ค่ารักษาพยาบาล 30,000 บาท ค่าเสียโอกาสขาดรายได้จากการรักษาตัววันละ 500 บาท เป็นเวลา 104 วันรวมเป็นเงิน 52,000 บาท ที่เหลือเป็นค่าสินไหมในส่วนอื่นๆ
ตนเองมองว่า บริษัทประกันภัยคู่กรณี จ่ายค่าสินไหมมาแล้ว แต่ฝั่งนายหน้าที่รับเคลมประกันให้ กลับไม่ให้เงินตนเองเต็มจำนวน ให้มาเพียงแค่ 100,000 บาท ส่วนอีก 130,000 บาท ไปอยู่ที่ไหน จึงอยากร้องเรียน ให้ช่วยตรวจสอบ
ขณะที่นายภานุมาศ จิตรวศินกุล หรือ เฮียเปี๊ยก ผู้ก่อตั้งเพจ “เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย” เล่าว่า พฤติการณ์ของนายหน้ารับเคลมประกันภัยที่ตำรวจเป็นคนพามาให้รู้จักกับผู้เสียหาย อาจมีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายฉ้อโกงและทำเป็นขบวนการในการเรียกรับค่าสินไหมเกินกว่าความเป็นจริง โดยการนำผู้เสียหายมาแอบอ้าง และยังมีการปลอมแปลงเอกสารอีกด้วย หลังจากนี้ตนเองจะพาผู้เสียหายไปร้องเรียนกับผู้บังคับการตำรวจภูธรสมุทรปราการต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น