วันที่ 20 ต.ค. 64 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะสูงขึ้นในวันที่ 23 – 30 ตุลาคมนี้ว่า เราต้องเตรียมพร้อมซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ไปตรวจสอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่พนังกั้นน้ำ และนอกพื้นที่ผนังกันน้ำซึ่งทราบกันดีอยู่แล้วว่าเราไม่สามารถจะไปเบรคน้ำไว้ได้เว้นแต่ในพื้นที่ผนังกั้นน้ำถ้าเกินระดับมาก็ล้นอยู่ดีแต่ขณะนี้ยังดีว่าการระบายน้ำอยู่ที่ประมาณ 2700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ระบายลงสู่ทะเล ก็คิดว่ายังคงไม่ล้นพนังกั้นน้ำ แต่พื้นที่ภายนอกยอมรับว่าคงเดือดร้อนพอสมควรอย่างเช่นที่สิงห์บุรีก็เช่นเดียวกัน ได้ถามประชาชนว่าเคยท่วมหรือไม่ก็เคยท่วมเหมือนกันและวันนี้ประชาชนเข้าใจเป็นเพราะพายุเข้ามาต่อเนื่องกัน 2 ลูกจึงเป็นสิ่งที่ต้องสร้างการเรียนรู้ว่าเราจะอยู่กับน้ำได้อย่างไรจะอยู่กับโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร ซึ่งโลกได้ส่งเสียงเรียกร้องแล้วว่าต้องดูแลโลก ไม่ทำให้อากาศสูงขึ้นเกิน 2 องศาทั้งโลกทำให้น้ำแข็งละลายประเทศไทยถือว่ามีความเสี่ยงมากน้ำจะสูงขึ้นทั้งโลกเหมือนกันหมดระดับน้ำในภูมิภาคอาเซียนก็จะสูงขึ้นอีก 1 เมตรของน้ำทะเลและประเทศไทยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำก็ต้องเตรียมการตรงนี้ไว้ซึ่งมีแผนแม่บทเตรียมความร่วมมือเตรียมการไว้แล้ว
ขณะที่ตอนนี้ปัญหาประเทศไทยมีอีกเยอะแต่ต้องไปดูว่ารัฐบาลทำอะไรมาบ้างต้องใช้เวลาทั้งหมดค่อยๆแก้ปัญหากันไป การบริหารจัดการน้ำทั้งตะวันตก ตะวันออก จูงน้ำไปเก็บในพื้นที่แก้มลิง โดยใช้เครื่องสูบน้ำความยาว 10 กิโลเมตร วันนี้ต้องให้กำลังใจทุกคนทุกส่วน ข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ปภ.ทุกคนก็เหนื่อย ตำรวจก็ช่วยกันดูแลความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน ช่วงนี้ต้องระมัดระวังอันตรายจากสัตว์ร้ายในพื้นที่น้ำท่วมต้องระมัดระวังอย่างที่สุดเพราะฉะนั้นอะไรต่างๆก็ตาม ได้ย้ำเตือนไปทางผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ นายกเทศมนตรีทุกส่วนย้ำไปหมดแล้ว ให้รวมพลังช่วยเหลือและหาจุดเชื่อมต่อการติดต่อสื่อสารกันให้ได้ให้ตรงความต้องการของประชาชน วันนี้ขอบคุณกำลังใจชาวสิงห์บุรีน่ารักชาวบางระจันเข้มแข็งอยู่แล้วนะจ๊ะ
ทั้งนี้ได้ให้งบประมาณหน่วยงานที่รับผิดชอบเตรียมงบประมาณ 450 ล้านบาทไว้เพื่อสร้างพนังกั้นน้ำตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยาในจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งแต่ละพื้นที่มีการจัดสรรงบประมาณลงไป ส่วนโครงการแก้ไขปัญหาน้ำขนาดใหญ่นั้น พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า คือระบบต้องสมบูรณ์ทั้งระบบ การระบายน้ำ ระบบประตูระบายน้ำที่ผ่านมายังไม่ค่อยมี ซึ่งที่ผ่านมาทำแค่เพียงขุดลอกคูคลองแต่วันนี้ต้องทำประตูระบายน้ำหลายสิบประตูซึ่งต้องใช้งบประมาณสูงเช่นกันเพื่อให้เก็บกักน้ำไว้ได้ไม่เช่นนั้นก็ปล่อยทิ้งไปหมดก็ต้องดูว่าจะจมน้ำไว้ที่ตรงไหนได้อย่างไรและเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งด้วย จึงต้องบริหารจัดการน้ำทั้งระบบน้ำอุปโภคบริโภคน้ำบาดาลเพื่ออยู่เพื่อกินเพื่อใช้น้ำการเกษตรอุตสาหกรรมและน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศและการแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งซึ่งทั้ง 4 เรื่องนี้ต้องไปด้วยกันจะเห็นว่ามีความซับซ้อนมากพอสมควรซึ่งจะมีคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช.เป็นผู้บริหารจัดการน้ำนำเสนออนุมัติจากครม.เห็นชอบ ต้องแก้ปัญหาทั้งระดับใหญ่กลางเล็กเนื่องจากมีปัญหาสะสมมานานซึ่งรัฐบาลนี้ทำมาโดยตลอด
ส่วนกรณีมีคนไทยด้อยค่างานศาลาไทยที่จัดในงาน world expo ที่ดูไบ แต่ต่างชาติกลับชื่นชมมีคนเข้าไปดูในงานวันละกว่าหมื่นคนนั้นพลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่ดีขอให้สื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้รัฐบาล ซึ่งสื่อก็รู้ว่าดีต้องช่วยประชาสัมพันธ์ แต่อะไรที่ไม่จริงก็ขอให้ช่วยชี้แจงว่าไม่จริง แต่ถ้าเอามาถามไปถามมาก็ทำให้เกิดการทะเลาะกันแบบนี้ไม่จบ เราควรจะร่วมกันในสิ่งที่ดีและไม่ได้ต้องการให้มาเข้าข้างผมทั้งหมด ไม่ต้องการ แต่ต้องการให้นำเสนอข้อเท็จจริง
ซึ่งก็เห็นว่ามีแต่คนวิพากษ์วิจารณ์ ว่า1 พฤศจิกายนนี้ รัฐบาลก็จะเปิดประเทศแล้ว มีมาตรการหลายอย่างรองรับแต่ก็ยังวิจารณ์ว่าจะทำได้จริงหรือเปล่า ผมว่าการมาวิพากษ์แบบนี้ไม่สร้างสรรค์ ควรจะพูดว่ารัฐบาลเปิดประเทศแบบนี้ทุกคนต้องช่วยกัน ทั้งภาครัฐภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สมาคมโรงแรมที่เดือดร้อนทั้งหมดได้ขอให้ช่วยรัฐบาลก็ทำให้แต่ก็ต้องมีมาตรการ ซึ่งก็ต้องทำตามมาตราของผมด้วย หากไม่ทำตามมาตรการแล้วเกิดอะไรขึ้นมาสุดท้ายผมก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดีต้องเห็นใจผมตรงนี้ด้วยเข้าใจไหม
ทั้งนี้ความพร้อมในการเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายนนี้นั้น ขณะนี้มีกว่าหลายสิบประเทศที่มีชื่ออยู่ในขณะนี้ที่จะประกาศออกไปแต่ก็ขึ้นอยู่กับประเทศเหล่านั้นว่าจะตอบรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับมาตรการของแต่ละประเทศด้วย ไม่ใช่จะเปิดประเทศก็เปิดโครมครามไม่ได้หรอก ต้องเข้าใจ ยืนยัน ว่านายกฯคิดมาละเอียดหมดแล้ว แต่ไม่อยากเอาไปพูดติติงมันทุกเรื่องไปแบบนี้ไม่ใช่หรอก 50 หรือกี่ประเทศก็แล้วแต่ไม่ได้มาคราวเดียวและมาทางอากาศ ทางสนามบินมีมาตรการตรวจคัดกรองจากต้นทาง มาถึงประเทศไทย จากนั้นก็ไปอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยก่อนเพื่อลดความเสี่ยงของคนไทยเพราะเป็นห่วงเรื่องแพร่กระจายของเชื้อจะต้องปิดพื้นที่ก็จะมาท่องเที่ยวกันไม่ได้อีก ต้องช่วยกันเตือนตรงนี้ด้วย
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ตัวเลขผู้ป่วยโควิดที่ลดลงทุกวัน ส่วนตัวก็ได้ติดตามอยู่และได้กำชับเรื่องวัคซีนเรื่องการบริหารจัดการสิ่งที่สำคัญคือวิถีชีวิตของประชาชนการใส่หน้ากากในการพบปะพูดคุยกันบางส่วนยังเห็นรถหน้ากากลง จะไปตำหนิก็ไม่ได้ เห็นว่า จะต้องใส่หน้ากากให้ถูกวิธี ไม่เอาหน้ากากมาไว้ใต้จมูก
ส่วนที่ขณะนี้ประเทศไทยเจอทั้งปัญหาโควิด ปัญหาน้ำท่วมและสถานการณ์ทางการเมืองนายกรัฐมนตรียังมั่นใจที่จะนำพาประเทศไปข้างหน้าหรือไม่นั้น พลเอกประยุทธ์ ยืนยันว่า “ยิ่งมีปัญหา ผมยิ่งมีกำลังใจและมีกำลังใจจากประชาชน จากข้าราชการที่เขาร่วมมือกับผม”
สื่อถามย้ำว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประชาชนต้องตั้งสติตั้งมั่นร่วมมือกับรัฐบาล นายกฯ ย้ำว่า แน่นอนทุกคนต้องร่วมมือกันให้มากยิ่งขึ้น อยากได้อะไรก็ต้องร่วมมือกัน นายกพร้อมให้ทุกอย่างถ้าร่วมมือกันมันไปได้หมดแหละ”
ส่วนที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีไม่ได้มาร่วมลงพื้นที่นั้นพลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วเป็นยังไง ลงจังหวัดเดียวกันหรือเปล่า ก็พวกสื่อไปพูดกันเอง เนื่องจากว่าพลเอกประวิตรเดินตามพร้อมผมไม่ได้ นายกฯหันมาถามสื่อด้วยว่า พวกสื่อเดินตาม ฉันทันไหม? และสื่อก็ตอบว่า เดินไม่ทันเพราะนายกฯเดินเร็ว
ก่อนที่นายกฯจะขึ้นรถกลับกทม.ได้ถ่ายรูปหมู่กับข้าราชการหน่วยงานต่างๆรวมถึงคณะครูอาจารย์วิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรีพร้อมกล่าวว่า “ขอคนไทยอย่าได้ค่าประเทศตัวเอง” แล้วขึ้นรถกลับทันที
