วันที่ 26 สิงหาคม 2568 พลตำรวจตรีไพโรจน์ ขุนหมื่น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เผยว่า ปัจจุบันกลุ่มนักค้ายาใช้วิธีการหลากหลาย ทั้งส่งพัสดุและซื้อขายผ่านโซเชียลออนไลน์ เจ้าหน้าที่ได้ร่วมมือกับบริษัทขนส่งทั้งภาครัฐและเอกชน ทำ MOU เฝ้าระวัง หากพบสิ่งผิดสังเกตก็แจ้งตำรวจทันที พร้อมสุ่มตรวจพัสดุร่วมกับ ป.ป.ส. เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดที่ลักลอบเข้ามาจำนวนมาก
ข่าวที่น่าสนใจ
“ตอนนี้ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ ป.ป.ส. ทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว ใช้กฎหมายเข้มข้นทุกมิติ ทั้งจับกุม ยึดทรัพย์ และขยายผลออกหมายจับผู้สมคบสนับสนุนทุกราย นักค้ายาเสพติดไม่มีทางรอดง่าย ๆ แน่นอน” พล.ต.ไพโรจน์กล่าว
ด้าน นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากข้อมูลที่ประชาชนแจ้งเข้ามา สามารถกวาดล้างผู้ค้าทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ไปแล้วกว่า 700 ราย โดยมีผู้หลบหนีเพียง 23 ราย แต่การปราบปรามยังไม่สิ้นสุด เพราะผู้ค้าหันมาใช้การส่งพัสดุแทน ทำให้ต้องปรับยุทธวิธีเข้มข้นขึ้น ทั้งงานข่าวกรองและการตรวจสอบพัสดุ
เจ้าหน้าที่เน้นย้ำว่า การส่งยาในรูปแบบพัสดุเป็นเรื่องซับซ้อน จำเป็นต้องติดตามบุคคลเป้าหมายเพื่อไม่กระทบประชาชนที่ส่งของปกติ งานข่าวกรองจึงเป็นหัวใจสำคัญ และต้องใช้เวลาและทรัพยากรมาก
ข้อมูลล่าสุดจากเจ้าหน้าที่รัฐพบว่า มีผู้เกี่ยวข้องบางส่วนถูกให้ออกจากราชการแล้ว 18 ราย ขณะนี้อีก 2 รายอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อความเป็นธรรม
“เราต้องการเตือนผู้ค้าที่คิดจะนำยาเสพติดเข้ามาในโคราชว่า ที่นี่ไม่ใช่ที่ให้ท่านทำธุรกิจผิดกฎหมายอีกต่อไป พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือเต็มที่ ข้อมูลที่ประชาชนแจ้งแม่นยำมาก การจับกุมผู้ค้ากว่า 700 รายในเวลาเพียงเดือนเดียว คือหลักฐานชัดเจนว่าเราจะเอาจริงทุกกรณี” นายชัยวัฒน์กล่าวปิดท้าย.
ภาพ-ข่าว ประสิทธิ์ วนะชกิจ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
