BDMS Wellness Clinic เดินหน้าขยายเครือข่ายสุขภาพสู่ตะวันออกกลาง “เสริมพลังความร่วมมือระดับสากล ปักหมุดไทยสู่ Wellness Hub ระดับโลก”

10 ธันวาคม 2568 – บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS Wellness Clinic) ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันในเครือบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายแพทย์ ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ได้รับเกียรติจาก นางสาววารุณี ปั้นกระจ่าง เอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต รัฐสุลต่านโอมาน เพื่อหารือแนวทางสานต่อความร่วมมือด้านสุขภาพระหว่างไทยและโอมาน ภายใต้แนวคิด “Health Vision 2050” ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต รัฐสุลต่านโอมาน ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ระยะยาวด้านระบบสุขภาพของโอมานในมิติที่สำคัญ ทั้งด้านการเงินสุขภาพ การพัฒนาทรัพยากรบุคคล การให้บริการทางการแพทย์ เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจและวิสัยทัศน์ Wellness Hub Thailand ของนายแพทย์ตนุพล ในการผลักดัน Wellness Tourism ของไทยสู่ระดับสากล พร้อมผลักดันประเทศไทยให้เป็น Wellness Hub ระดับโลก

Wealthy but Unhealthy: ความร่ำรวยอย่างเดียว อาจไม่ตอบโจทย์? เมื่อโอมานกำลังเผชิญความท้าทายจาก NCDs ในสังคมผู้สูงวัย

โอมานนับเป็นหนึ่งในตลาดศักยภาพสูงของภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่น ทั้งในด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสุขภาพ สะท้อนจากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ณ เดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งระบุว่า กลุ่มประเทศความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) มี GDP รวมสูงถึง 2.16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 44.51% ของ GDP ทั้งภูมิภาคตะวันออกกลาง และ 1.89% ของ GDP โลก พร้อมจำนวนประชากร 62.47 ล้านคน และมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวอยู่ในระดับสูงติดอันดับต้น ๆ ของภูมิภาค ด้วยศักยภาพทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง รวมถึงความต้องการบริการสุขภาพคุณภาพระดับพรีเมียมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

อย่างไรก็ตาม แม้โอมานจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจมั่งคั่งและมีรายได้ต่อบุคคลสูง แต่ประชากรยังคงเผชิญความท้าทายด้านสุขภาพ โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งถือเป็นปัญหาหลัก โดยข้อมูลจาก World Health Organization หรือ WHO เผยว่า กว่า 80% ของผู้เสียชีวิตในประเทศโอมาน เกิดจากโรค NCDs คิดเป็นประมาณ 13,000 รายต่อปี หรือ เฉลี่ย 1.5 รายต่อชั่วโมง โดยโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคทางเดินหายใจเรื้อรังตามลำดับ

โรคอ้วนในโอมาน: ประเด็นสุขภาพสาธารณะที่แฝงอยู่ในวิถีชีวิตสมัยใหม่ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ประชากรโอมานกำลังเผชิญความท้าทายด้านสุขภาพที่ซับซ้อนขึ้นจากภาระโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) สะท้อนภาพที่ชัดเจนถึงบทบาทของ “ภาวะอ้วน” ซึ่งไม่ใช่เพียงเป็นประเด็นด้านรูปลักษณ์ภายนอก หากแต่เป็นจุดตั้งต้นสำคัญของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหลากหลายชนิดดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น โดย ณ ปัจจุบัน พบว่าชาวโอมานกว่า 66.9% หรือราว 3,328,275 คน อยู่ในภาวะน้ำหนักเกิน ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างระบบสุขภาพเชิงป้องกันเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสร้างอนาคตสุขภาพที่มั่นคงให้กับประเทศ

นายแพทย์ ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจัยหลักที่ทำให้ภาวะอ้วนเพิ่มสูงขึ้นในหมู่ประชาชนชาวโอมาน มาจากการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตในยุคปัจจุบันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการบริโภคที่เน้นความสะดวกและรวดเร็ว การรับประทานอาหารที่มีพลังงานสูง การเคลื่อนไหวของร่างกายที่ลดลงจากการมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายในชีวิตประจำวัน ตลอดจนชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานซึ่งทำให้เวลาสำหรับการดูแลตนเองลดน้อยลง ปัจจัยเหล่านี้ได้ค่อย ๆ หล่อหลอมจนเกิดภาวะน้ำหนักเกิน ซึ่งกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเกิดโรคอ้วนจึงเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจน ให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว”

“การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน หรือ Proactive Healthcare จึงมีบทบาทสำคัญยิ่งในยุคปัจจุบัน ซึ่งไม่เพียงช่วยให้เราตรวจพบความเสี่ยงและป้องกันโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการปรับวิถีชีวิตให้สมดุล ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษา และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน ตลอดจนสร้างวัฒนธรรมการดูแลตนเองเชิงรุกที่สามารถป้องกันการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในระยะยาว และสนับสนุนให้ระบบสุขภาพของประเทศมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และพร้อมรับมือกับความท้าทายด้านสุขภาวะในอนาคต” นายแพทย์ตนุพล กล่าวเพิ่มเติม

เศรษฐกิจ Wellness: ขุมทรัพย์ล้ำค่าของประเทศไทย สู่การขับเคลื่อนการเติบโตของ GDP ด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน หนึ่งในแนวโน้มที่กำลังได้รับความนิยมและมีบทบาทสำคัญระดับโลก คือ ‘เศรษฐกิจสุขภาพ’ (Wellness Economy) ซึ่งเน้นการลงทุนและการพัฒนาบริการที่ส่งเสริมสุขภาพร่างกาย จิตใจ และคุณภาพชีวิตโดยรวม โดยอ้างอิงจากข้อมูลล่าสุดของ Global Wellness Institute (GWI) พบว่า เศรษฐกิจเวลเนสทั่วโลกมีอัตราการเติบโตสูงถึง 7.6% ต่อปีในช่วงปี 2024–2029 โดยในบรรดาภาคส่วนของเศรษฐกิจเวลเนส การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างโดดเด่น โดยอยู่ในอันดับที่ 5 รองจากภาคส่วนสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์เชิงสุขภาพ (Wellness Real Estate) การแพทย์แผนโบราณและการแพทย์ทางเลือก (Traditional & Complementary Medicine) การดูแลสุขภาพจิต (Mental Wellness) และ การบำบัดด้วยน้ำแร่และน้ำพุร้อนธรรมชาติ (Thermal & Mineral Springs Therapy)

 

 

 

 

 

สำหรับประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเพื่อ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ด้วยบริการด้านสุขภาพต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์การพักผ่อนผสานกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม และประสบการณ์ด้านสุขภาพในมิติที่หลากหลาย ตั้งแต่การตรวจสุขภาพเชิงป้องกัน การฟื้นฟูร่างกายหลังเจ็บป่วย การรักษาเฉพาะทาง ไปจนถึงการพักผ่อนเชิง Wellness ที่ผสมผสานศาสตร์การแพทย์ไทยและแพทย์แผนปัจจุบัน เข้ากับวัฒนธรรมดั้งเดิม พร้อมทั้งโอบล้อมด้วยทิวทัศน์และธรรมชาติอันงดงามในประเทศไทย อย่างภูเขา ทะเล และแม่น้ำ สร้างบรรยากาศผ่อนคลายที่เอื้อต่อการฟื้นฟูร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาน ทำให้ผู้มาเยือนได้รับประสบการณ์ที่ส่งเสริมสุขภาพครบมิติที่หลากหลาย

ด้วยเหตุนี้ การให้ความสำคัญกับบริการที่มุ่งส่งเสริมสุขภาพจึงกลายเป็นปัจจัยดึงดูดความสนใจจากทั้งประชากรในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยศักยภาพและความได้เปรียบทางด้านต่าง ๆ ของประเทศไทย ไม่เพียงแค่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก แต่ยังเสริมสร้างรายได้และการเติบโตของ GDP ในภาคการท่องเที่ยว และยังสะท้อนถึงศักยภาพของไทยในการต่อยอดสู่การเป็นศูนย์กลาง Wellness Hub ในระดับโลก ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Health Vision 2050 ของโอมาน ที่สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสใหม่ในการพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ Wellness ระหว่างสองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการมอบบริการสุขภาพ การสนับสนุนทางการแพทย์ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งไทยสามารถตอบโจทย์ได้ด้วยโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ที่ทันสมัย บริการสุขภาพและ Wellness มาตรฐานสากล ชื่อเสียงด้าน Hospitality ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง รวมถึงโรงพยาบาล คลินิกด้านการดูแลสุขภาพระดับลักชัวรี และความชำนาญการด้าน Holistic & Preventive Healthcare ทำให้ไทยก้าวขึ้นมาเป็นพันธมิตรสำคัญในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพสมัยใหม่ของโอมานอย่างเป็นรูปธรรม

• เกี่ยวกับ บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก

บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS Wellness Clinic) ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) เครือข่ายผู้ให้บริการโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย ให้บริการการป้องกันโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และดูแลสุขภาพแบบองค์รวม รวมถึงการดูแลด้านทันตรรม เวชศาสตร์การกีฬาและรักษาภาวะเจริญพันธุ์ บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะเป้าหมายระยะยาวคือ ต้องการเห็นคนอายุยืนอย่างมีคุณภาพ มีความเป็นอยู่ที่ดีทั้งกายและใจอย่างยั่งยืน

 

 

 

 

ภาพ/ข่าว จิระชัย เกษมพิมลพร ผู้สื่อข่าว TOPNEWS ทั่วไทย จ.ภูเก็ต

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ซาบีดา" เปิดตัว "บ้านท่าช้าง (วัดโฆษา)" เพชรบูรณ์ 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ "เที่ยวชุมชน ยลวิถี"
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ฮาร์บินเปิดตัว 'มิสเตอร์สโนว์แมน' ปีนี้สูง 23.8 เมตร
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนวางรางรถไฟความเร็วสูงสายเหนือสุดไปฮาร์บินเสร็จสมบูรณ์
"ศ.ดร.เกรียงศักดิ์" ชี้ชัด รัฐธรรมนูญเหมือนเข็มทิศแผนที่ประเทศ แต่สำคัญสุดคือ จิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของประชาชน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) อากาศเย็นยะเยือกในจีนเปลี่ยน 'เต้าหู้'เป็นใบมีด
BDMS Wellness Clinic เดินหน้าขยายเครือข่ายสุขภาพสู่ตะวันออกกลาง “เสริมพลังความร่วมมือระดับสากล ปักหมุดไทยสู่ Wellness Hub ระดับโลก”

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​