‘นักไวรัสวิทยา’ เตือน ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเกินความจำเป็น อาจจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นที่มากเกินความจำเป็น จะมีผลเสียมากกว่าผลดี โดยข้อความระบุว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น มีความจำเป็นระยะที่ภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะแอนติบอดี ตกลงมามากจนอาจไม่เพียงพอต่อการยับยั้งการติดเชื่อไวรัสได้ โดยการได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นจะทำให้แอนติบอดีพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากระดับ 100 อาจพุ่งไปถึงระดับหมื่นได้ ด้วยเหตุนี้หลายๆคนจึงอยากไปได้เข็มกระตุ้นกัน หลายคนไปที่เข็มสี่ หรือ เข็มห้ากันแล้ว การกระตุ้นด้วยวัคซีนในลักษณะที่เกินความจำเป็นแบบนี้ อาจจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีครับ
ลองดูภาพปรากฎการณ์ที่เรียกว่า “Immune imprinting” ที่ผมอ้างอิงมาจากวารสาร Trends in Immunology ที่มีผู้เชี่ยวชาญอธิบายไว้นะครับ เนื่องจากวัคซีนโควิดทุกรูปแบบตอนนี้มุ่งไปที่การสร้างภูมิ หรือ แอนติบอดี ต่อโปรตีนสไปค์ และ ตำแหน่งที่สำคัญที่สุดที่แอนติบอดีจะไปทำงานคือส่วนหัว หรือ RBD ของโปรตีนสไปค์นั้น ในภาพคือตัวที่มีสีต่างๆ สีฟ้า สีแดง หรือ ส้มเหลือง

 

ประเด็นสำคัญคือ วัคซีนทุกชนิดที่ฉีดกันอยู่ตอนนี้ออกแบบมาจากสไปค์ของสายพันธุ์ Wuhan ดั้งเดิม ในภาพคือสไปค์ที่มีหัว RBD สีฟ้า การได้รับวัคซีนชนิดนี้เข้าไป ร่างกายจะสร้างแอนติบอดีต่อสไปค์ ซึ่งเส้นสีฟ้า คือ แอนติบอดีต่อ RBD และเส้นสีน้ำเงินคือแอนติบอดีต่อส่วนอื่นของสไปค์ที่ไม่เกี่ยวกับการป้องกันการเข้าสู่เซลล์ของไวรัส จากภาพจะเห็นว่าเมื่อได้รับวัคซีนเข้าไป ระดับแอนติบอดีจะขึ้นและตกลงอีก การกระตุ้นก็จะสูงขึ้นอีกและตกลงได้อีกแต่ระดับที่ตกลงมักจะไม่ต่ำกว่าการตกลงครั้งแรก แต่สิ่งที่อยากให้สังเกตคือสีของเส้นกราฟ การได้วัคซีน Wuhan ซ้ำๆ จะเป็นการกระตุ้นให้กราฟสีน้ำเงิน และ สีฟ้า สูงขึ้นๆไปเรื่อยๆ


ในอนาคตถ้ามีวัคซีน Version ใหม่ๆออกมา ตัวสไปค์ส่วนหัว RBD จะมีสีที่เปลี่ยนไปตามสายพันธุ์ต่างๆ เช่น สายพันธุ์เดลต้าอาจจะมีสีแดงในภาพ การได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วย Version ใหม่นี้ สิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นคือ กราฟเส้นสีแดง ซึ่งเป็นแอนติบอดีที่จำเพาะต่อเดลต้า จะไม่ถูกกระตุ้นขึ้นเท่ากับเส้นสีฟ้าในตอนแรกๆแล้ว แต่ในทางตรงกันข้าม การกระตุ้นด้วย Version ใหม่จะเป็นเส้นสีน้ำเงินขึ้นมาแทน ซึ่งเป็นแอนติบอดีต่อตำแหน่งที่สไปค์มีเหมือนกันหมด แต่แอนติบอดีเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ใดๆต่อการป้องกันการติดเชื้อ ถ้าปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ประสิทธิภาพของวัคซีนในอนาคตจะลดลง…ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นแล้วกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่ WHO บอกว่าถ้าได้ประสิทธิภาพถึง 50% ก็เยี่ยมมากแล้วนั่นแหล่ะครับ

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ชัชชาติ" พาคนกรุงฯแบกภาระดอกเบี้ยวันละ 5.4 ล้าน ต่อไป อ้างเหตุยื้อจ่ายหนี้ BTS งวด 2 รอศาลปกครองชี้ผลคดีค้างชำระเงิน
"บิ๊กอ้วน"อำลากลาโหม ยันเซ็นแล้วซื้อเรือดำน้ำทร. ฝูงบินกริพเพนต้องรอรมว.กลาโหมคนใหม่
“ศบ.ทก.” ยันภารกิจชายแดนยังเดินหน้าต่อเนื่อง แม้อยู่ในช่วงปรับ ครม. เตรียมประชุมเจบีซี ก.ย.นี้
"ผู้ว่า ททท." เผยปชช.ลงทะเบียน "เที่ยวไทยคนละครึ่ง" สำเร็จแล้วกว่า 3.73 แสนคน
"ชาวกัมพูชา" นับร้อย แห่ข้ามแดนกลับประเทศ หวังร่วมทำงานกับ "กลุ่มจีนเทา"
"กมธ.สว." เชื่อ "แพทองธาร" สะดุดเก้าอี้ รมว.วัฒนธรรม ย้ำหมดคุณสมบัติ ปมจริยธรรม ถึงแก้เกมก็ไม่รอด
Pacific Links Thailand จัดกิจกรรมขอบคุณสื่อมวลชน พร้อมเปิดตัวแพ็กเกจสมาชิกองค์กรสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำประสบการณ์กอล์ฟระดับโลกในประเทศไทย
"พระลูกวัด" วัดม่วง บางแค พบพิรุธล็อกประตูกุฏิ 5 ชั้น เงิน-ทองหายไร้รอยงัด รอตร.สอบขยายผล
“พล.ท.นันทเดช” โต้พรรคส้ม ยันม็อบ “รวมพลังแผ่นดินฯ” ไม่ใช่คนรุ่นเก่า จวกกลับฝ่ายค้าน อยู่ 2 ปีกว่า ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
วงจรปิดจับภาพชัด สาวข้ามทางม้าลาย "รถเมล์" เปิดเลนย้อนศร ชนกระเด็น ด้านเพื่อนเผยอาการล่าสุด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น