ขแมร์ไทม์สรายงานว่านายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาได้เชิญคณะทูตานุทูตของประเทศต่างๆเข้าพบที่กระทรวงต่างประเทศในกรุงพนมเปญเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ( 17 มิย.) เพืออธิบายและชี้แจงถึงที่มาที่ไปและสาเหตุของการเผชิญหน้าครั้งล่าสุดระหว่างกัมพูชาและไทย
โดยนายปรักเล่าว่าจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 28 พฤษภาคม โดยเริ่มจากการที่ทหารไทยรุกรานเข้ามาในดินแดนของกัมพูชาที่บริเวณสามเหลี่ยมมรกด ก่อนที่จะทหารไทยและกัมพูชาจะเปิดฉากยิงปะทะกัน โดยปรักกล่าวหาทหารไทยว่าเป็นฝ่ายยิงก่อน ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย จากนั้นความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาและสถานการณ์ที่ชายแดนก็ยกระดับความตึงเครียด
ปรักกล่าวหาต่อว่าไทยเดินหน้าใช้มาตรการต่างๆทั้งข่มขู่และละเมิดกฎหมายด้วยการลดเวลาเปิดปิดจุดผ่านแดนฝ่ายเดียว รวมทั้งขู่ตัดไฟและสัญญานอินเทอร์เน็ตกัมพูชา ทำให้กัมพูชาซึ่งเป็นประเทศที่รักสงบ และไม่ต้องการให้ความขัดแย้งทางทหารลุกลามไปยังภาคส่วนอื่นๆ แต่ก็เหลือทนกับการข่มขู่คุกคามจากฝ่ายไทยตัดสินใจตอบโต้ด้วยมาตรการต่างๆ ทั้งการทหาร การทูตและหลักกฎหมาย รวมทั้งปิดจุดผ่านแดน, หยุดซื้อสัญญานอินเทอร์เน็ตและหยุดออกอากาศหนังไทยเพื่อปกป้องความเป็นธรรมและศักดิ์ศรีชาวกัมพูชา
นอกจากนี้รัฐบาลกัมพูชาก็ได้ยื่นเรื่องปัญหาพื้นที่ทับซ้อน 4 แห่งรวมทั้งสามเหลี่ยมมรกต, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ดและปราสาทตาควายขึ้นสู่ศาลโลก และล่าสุดศาลโลกก็ได้รับเอกสารเรียบร้อยเมื่อวานนี้ (16 มิย.)
โดยปรักยืนยันกับคณะทูตว่ากัมพูชาแค่ต้องการความเป็นธรรมและความชัดเจนเรื่องเส้นแบ่งเขตแดนเพื่อคนรุ่นต่อไปจะได้ไม่มีปัญหาระหว่างกัน พร้อมอ้อนเพิ่มเติมว่ากัมพูชาไม่ได้ต้องการดินแดนของประเทศอื่นแม้แต่มิลลิเมตรเดียว แต่จะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่มิลลิเมตรเดียวเช่นกัน