เช็กเสียงขั้วการเมือง รบ.อิ๊งค์เหนื่อย หากภท.เป็นฝ่ายค้าน
ข่าวที่น่าสนใจ
ต้องจับตาอย่างไม่กระพริบ สำหรับการปรับ ครม. โดยเฉพาะกรณีพรรคเพื่อไทยจะเอากระทรวงมหาดไทยคืนจากพรรคภูมิใจไทย ตามสัญญาณจากนายทักษิณ ชินวัตรผู้มีบารมีนอกพรรคตัวจริง ซึ่งมีข้อเสนอแลกเปลี่ยนคือให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล โยกไปนั่งรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แต่นายอนุทินขู่กลับว่าภูมิใจไทยพร้อมเป็นฝ่ายค้าน หากถูกยึดกระทรวงคลองหลอด
เรื่องดังกล่าวทำให้ต้องมาถอดสูตรตัวเลขอีกครั้ง ว่าหากรัฐบาลขาดพรรคภูมิใจไทย จะเหลือเสียงเท่าไหร่ ต้องเติมเสียงจากพรรคใดหรือไม่ ยังไม่นับปัญหาในพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่แตกเป็นสองก๊ก แต่ก่อนอื่นมาสำรวจตัวเลขเสียงของรัฐบาลแพทองธารในปัจจุบันกันก่อน ซึ่งมีดังนี้
สส.ในสภาฯ ปัจจุบัน มีจำนวน 495 คน จาก 16 พรรคการเมือง สส.เกินกึ่งหนึ่งคือจำนวน 248 คน ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาล 12 พรรค มีทั้งหมด 325 เสียง เสถียรภาพมั่นคง แบ่งเป็น 1.เพื่อไทย 142 เสียง 2.ภูมิใจไทย 69 เสียง 3.รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง 4.กล้าธรรม 26 เสียง 5.ประชาธิปัตย์ 25 เสียง
6.ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง 7.ประชาชาติ 9 เสียง 8.ชาติพัฒนา 3 เสียง 9.ไทรวมพลัง 2 เสียง 10. เสรีรวมไทย 1 เสียง 11.ประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง 12.ไทยก้าวหน้า 1 เสียง
พรรคร่วมฝ่ายค้าน 4 พรรค จำนวน 170 เสียง ประกอบด้วย 1.ประชาชน 143 เสียง 2.พลังประชารัฐ 19 เสียง 3.ไทยสร้างไทย 6 เสียง 4.เป็นธรรม 1 เสียง
แต่หากกรณีพรรคภูมิใจไทยไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน จะทำให้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาล หายไป 69 เสียง เหลือเพียง 256 เสียง แม้ยังเป็นรัฐบาลต่อไปได้ แต่อยู่ในสภาพปริ่มน้ำ ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีเสียงมาเติม ทำให้มีเสียงเพิ่มเป็น 239 เสียง จากเดิม 170 เสียง
นอกจากนี้ภูมิใจไทยยังมีเสียงจากกลุ่ม สส.เพชรบูรณ์พรรคพลังประชารัฐของนายสันติ พร้อมพัฒน์ อีก 6 เสียง และอีก 2 เสียงจาก สส.อุดรธานีพรรคไทยสร้างไทย ที่โผล่ข้างกายนายอนุทินระหว่างลงพื้นที่อีสาน ซึ่งการันตีว่ากลุ่มนี้ไม่มีโหวตสวนภูมิใจไทยแน่ ยังไม่นับอีก 4 เสียงจากค่ายปชป.กลุ่มนายชวน หลีกภัย ที่ไม่เคยโหวตหนุนนายกฯอิ๊งค์ หากเจรจาดึงมาสนับสนุนกันได้ ก็จะได้เสียงมาเติมอีก
และหากรวมไทยสร้างชาติแตก โดยที่กลุ่มสุชาติซึ่งมี 18 คน คว้าโควต้ารัฐมนตรีแทนกลุ่มนายพีระพันธุ์และนายเอกนัฏ กลุ่ม18 สส.ของนายพีระพันธุ์และนายเอกนัฏก็มีโอกาสที่จะมาร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งจะทำให้ฝ่ายค้านมีเสียงเพิ่มเป็น 269 เสียง ส่วนเสียงพรรคร่วมรัฐบาลจะหายไปอีกทันที 18 เสียง ทำให้เหลือเสียงเพียง 238 เสียง รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์จะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยทันที การบริหารประเทศอาจถึงทางตัน เพราะการผ่านกฎหมายซึ่งใช้คะแนนเห็นชอบจาก สส. ก็ผ่านได้ยาก โดยเฉพาะร่างกฎหมายงบประมาณประจำปี ซึ่งส่งผลต่อการทำตามนโยบายที่ให้ไว้ตอนหาเสียง จนสุดท้ายมักลงเอยด้วยการยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ หรืออาจเกิดการพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลใหม่ นำโดยพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน
ดังนั้นเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ รัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทย ก็จะต้องเร่งหาเสียงมาเติมอีก เพื่อให้รัฐบาลกลับมามีเสียงข้างมาก ซึ่งต้องจับตาไปที่บทบาทของพรรคกล้าธรรม ที่แย้มว่าจะมีสส.มาร่วมงานกับพรรคอีก โดยเฉพาะงูเห่าสีส้ม ที่มีมาแล้วตอนนี้แน่ๆ 1 เสียง ที่สำคัญก็มีโอกาสที่จะไปขอคืนดีกับพรรคพลังประชารัฐของบิ๊กป้อมที่ยังมี สส.อีก 13 เสียงรออยู่ หากดึงมาได้ทั้งหมด ก็จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มเสียงขึ้นมาเป็น 252 เสียง ส่วนเสียงฝ่ายค้านก็จะหายไปแน่ๆ 1 เสียงจากงูเห่าสีส้ม ทำให้เหลือ 268 เสียง แต่ยังมีเสียงมากกว่าฝ่ายรัฐบาล 16 เสียง ดังนั้นจึงต้องไล่หาเสียงเพิ่มเติมจากบรรดางูเห่าในพรรคฝ่ายค้าน โดยมีกล้าธรรมเป็นตัวเดินเกม เพื่อให้รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์พลิกกลับมามีเสียงข้างมาก
อย่างไรก็ดีทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพียงการคาดการณ์ หากสุดท้ายแล้วสีน้ำเงินและสีแดงสงบศึกกันได้ รัฐบาลอุ๊งค์อิ๊งค์ก็เดินหน้าต่อ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น