คลิปที่กระทรวงต่างประเทศของจีน แชร์บน X มาพร้อมเสียงบรรยายภาษาอังกฤษและซับไทเทิลภาษาจีน ว่า การก้มหัวให้กับผู้รังแก ก็เหมือนกับการดื่มยาพิษเพื่อดับกระหาย มีแต่จะทำให้วิกฤติแย่ลง ประวัติศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า “การประนีประนอม จะไม่ทำให้ได้รับความเมตตา การคุกเข่าจะยิ่งถูกรังแกมากขึ้น จีนจะไม่ยอมคุกเข่า” ทั้งยังย้อนอดีตว่า ครั้งหนึ่งอเมริกาเคยกระทำการรุกรานทางเศรษฐกิจ บีบญี่ปุ่นลงนามข้อตกลง พลาซา ทำให้ญี่ปุ่นเผชิญวิกฤติการเงิน ล้มละลายและเศรษฐกิจชะงักงันหลายสิบปี
อีกด้านหนึ่ง คลิปของกระทรวงต่างประเทศ ให้ภาพจีนว่า เป็นแหล่งปลอดภัยของการค้าเสรี ที่ประเทศต่าง ๆ สามารถเข้าไปลงทุนอย่างปลอดภัยและเป็นหุ้นส่วนกันได้ จีนระบุผ่านคลิปว่า จีนจะยืนหยัดมั่นคง ไม่ว่ากระแสลมจะแรงเพียงใด และว่า ต้องมีคนก้าวไปข้างหน้า พร้อมคบเพลิงในมือเพื่อสลายหมอกและส่องสว่างให้กับเส้นทางข้างหน้า
CNN รายงานเรื่องนี้ว่า ถ้อยคำที่ใช้ในคลิปเป็นการส่งสารอย่างแข็งกร้าว ไปยังรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ หลังยกระดับสงครามการค้าครั้งประวัติศาสตร์ และเป็นการเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ยืนหยัดเพื่อทำลายกำแพงแห่งความเป็นใหญ่ ไม่เลือกข้างสหรัฐฯละทิ้งจีน เพราะจีนจะไม่ยอมถอยอย่างเด็ดขาด เพื่อให้เสียงของผู้อ่อนแอได้รับฟัง การบูลลี่จะต้องยุติลง และความยุติธรรมจะไม่สูญหายไปจากโลก การยืนหยัดเพื่อตัวเองจะช่วยให้ความร่วมมือดำรงอยู่ได้ อีกสารที่สำคัญที่จีนสื่อถึงโลกก็คือ สหรัฐฯไม่ใช่ประเทศที่น่าไว้วางใจ แถมเรียกสหรัฐฯว่าเป็นแค่เสือกระดาษ อเมริกานำเข้าและส่งออกไม่ถึง 1 ใน 5 ของการค้าโลก และไม่ได้เป็นตัวแทนของทั้งโลก หากทุกประเทศจับมือกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้ว สหรัฐอเมริกาก็เป็นแค่เรือลำเล็กที่ติดแหง็ก
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์และผู้นำภาคธุรกิจ เตือนและตั้งรับหายนะจากภาษีนำเข้าสินค้าจีน ทำเนียบขาว ยังคงสาละวนกับการตอบคำถามว่า ประธานาธิบดีทรัมป์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พูดคุยกันเพื่อหาทางลดระดับสงครามการค้าระหว่างกันหรือยัง ล่าสุด สก็อต เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เลี่ยงตอบคำถามนี้ ด้วยการบอกว่า การรับรู้ว่ามีการพูดคุยกันหรือไม่นั้น อยู่นอกเหนือขอบข่ายความรับผิดชอบของเขา และเขาจะไม่ลงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่าใครกำลังพูดคุยกับใคร ขอย้ำคำเดิมว่า ภาษีนำเข้าไม่ยั่งยืนสำหรับจีน และยกสถิติจากภายนอกว่า หากสหรัฐฯยังคงเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจีนที่ระดับ 145% จีนอาจสูญเสียตำแหน่งงาน 10 ล้านอัตรา “อย่างรวดเร็ว” ต่อให้สหรัฐฯลดลงภาษีศุลกากรลงมาระดับหนึ่งแล้ว จีนก็ยังมีคนตกงาน 5 ล้านตำแหน่งอยู่ดี อย่าลืมว่าจีนขายสินค้าให้สหรัฐฯเกือบ 5 เท่าเทียบกับสหรัฐฯขายให้จีน ดังนั้น “ภาระ” การลดกำแพงภาษีลงมา จึงตกอยู่กับจีน
ครั้งสุดท้ายที่ทรัมป์และสีจิ้นผิงพูดคุยทางโทรศัพท์ แบบมีการเปิดเผยและรายงานข่าว คือเมื่อวันที่ 17 มกราคม สามวันก่อนทรัมป์สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง ทรัมป์ให้สัมภาษณ์นิตยสารไทม์ เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ผู้นำจีนต่อสายคุยกับตัวเอง และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ บอกนักข่าวก่อนออกจากทำเนียบขาวไปร่วมพิธีศพโป๊ป ว่า เขาได้พูดคุยกับผู้นำจีน หลายครั้ง
เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลทรัมป์คนอื่น ๆ ก็พูดไปในทางเดียวกันว่า มีการติดต่อกันระหว่างเจ้าหน้าที่สองประเทศ รวมถึงเบสเซนต์เอง หรือ บรู้ค โรลลินส์ รัฐมนตรีเกษตรสหรัฐฯที่ถึงกับบอกระหว่างให้สัมภาษณ์ CNN ว่า รัฐบาลทรัมป์ติดต่อกับรัฐบาลปักกิ่ง “ทุกวัน” แต่กระทรวงต่างประเทศจีน ออกมาปฏิเสธหลายหนว่าทรัมป์กับสีจิ้นผิงยังไม่ได้เจรจากัน หลังสุดเพิ่งปฏิเสธเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และย้ำว่า หากสหรัฐฯต้องการแก้ปัญหาผ่านการเจรจากันจริง ๆ ก็ควรเลิกขู่และแบล็คเมลจีนก่อน
Never Kneel Down! pic.twitter.com/z8FU3rMSBA
— CHINA MFA Spokesperson 中国外交部发言人 (@MFA_China) April 29, 2025