วันที่ 3 ส.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าประชาชนจำนวนมากโชคดีถูกหวยงวดวันที่ 1 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา ได้ทยอยเดินทางไปกราบไหว้หลวงพ่อองค์ใหญ่บนพุทธสถานเชิงผา วัดเขาพระทอง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรราชและพ่อปู่พญานาคมุจลินท์นาคราช ที่เชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งนาคราชตระกูลที่ 4 ซึ่งสถิตอยู่ในถ้ำโหม่งวัดเขาพระทอง ทั้งนี้เนื่องพ่อปู่มุจลินท์นาคราชได้แสดงปาฏิหาริย์เหลือเชื่อให้เป็นที่ประจักษ์หลายครั้งจนเป็นข่าวฮือฮามาโดยตลอด และล่าสุดกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่บนพุทธสถานเชิงผาสามารถจับภาพดดวงไฟสีส้มขนาดใหญ่เท่าลูกส้มโอขึ้นในคืนวันที่ 31 ส.ค. 2564 จนชาวบ้านที่ทราบข่าวและนำไปตีเป็นเลขเด็ดเสี่ยงโชคแทงหวยจนเป็นที่มาของการโชคดีถูกหวยหลายราย
อย่างไรก็ตามชาวบ้านที่เดินทางตรวจสอบจุดที่กล้องวงจรปิดจับภาพดวงไฟปริศนาและกราบไหว้หลวงพ่อองค์ใหญ่บนพุทธสถานเชิงผาวัดเขาพระทองจะต้องปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมป้องกันไวรัสโควิดอย่างเคร่งครัด หลังจากนั้นลูกศิษย์วัดเขาพระทอง 2 คนประกอบด้วยนายธวัชชัย สีราม หรือ “ช่างเอ” และนายชวลิต อักษรแก้ว ได้กราบขอขมาหลวงพ่อองค์ใหญ่และพ่อปู้พญานาคเพื่อขอเข้าไปสำรวจตรวจสอบภายในถ้ำโหม่งที่อยู่ด้านหลังพุทธสถานเชิงผาหรือหลีงหลวงพ่อองค์ใหญ่ ซึ่งเดิมทางวัดจัดสร้างบันไดทางขึ้นถ้ำโหม่ง แต่เนื่องจากบันไดชำรุดทรุดโทรม ผุพัง เกรงว่าประชาชนและนักท่องเที่ยวจะเกิดอุบัติเหตุได้ จึงปิดการขึ้นถ้ำโหม่งมานานกว่า 3 ปีแล้ว และส่งหนังสือถึงนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้พิจารณาจัดหางบประมาณมาก่อสร้างบันไดทางขึ้นอย่างถาวรต่อไป
โดยลูกศิษย์วัดทั้งสองคนได้ปีนป่ายหน้าผาและบันไดทางขึ้นเก่าอย่างระมัดระวัง ระหว่างทางขึ้นพบว่ามีงูไม่ทราบขนาดขนาดใหญ่กว่าข้อมือ ยาวประมาณ 3 เมตรลอกคราบทิ้งไว้ที่โขดหิน จนขึ้นไปถึงปากถ้ำอย่างยากเย็นระยะทางประมาณ 50 เมตร ก่อนจะลงไปในถ้ำซึ่งมืดมิดแต่ลูกศิษย์วัดมีไฟส่องสว่างติดตัวไปด้วย จึงค่อย ๆ เดินลัดเลาะเลียบไปตามโขดหินเข้าไปในถ้ำลึกประมาณ 30 เมตร พบว่าภายในถ้ำเย็นเฉียบและมีร่องรอยการเลื้อยของสัตว์ขนาดใหญ่จนหินเป็นมันวาวอย่างน่าประหลาด คาดว่าเป็นเส้นทางที่งูขนาดใหญ่เลื้อยผ่านอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะโขดหินที่โผล่ขึ้นมามีลักษณะคล้ายหัวพญานาคและมีผ้า 3 สีพันรอบเอาไว้จะมันวาวเป็นพิเศษ ที่สำคัญได้ยินเสี่ยงคล้ายงูหรือสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่เลื้อยเคลื่อนไหวอยู่ในถ้ำอย่างชัดเจน คาดว่าอยู่ไม่ไกลมากนัก ทำเอาลูกศิษย์วัดทั้งสองคนต้องหันมามองหน้ากันอย่างลังเล และมีอาการขนลุกจนพอง จึงไม่กล้าเดินลึกเข้าไปในถ้ำมากกว่านั้น ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีใครเคยเดินเข้าไปในถ้ำจนสุดทาง เพราะเกรงจะเกิดอันตรายจากสิ่งเร้นลับบางอย่างก็ได้ ในที่สุดสองลูกศิษย์วัดจึงตัดสินใจยกมือไหว้และเดินกลับออกมาจากถ้ำโหม่ง
นายชวลิต อักษรแก้ว หรือ “ช่างปืน” กล่าวว่า ตนเคยลงไปในถ้ำโหม่งหลายครั้ง แต่ก็ไม่กลาเดินเข้าไปถึงจุดที่ลึกสุดเพราะในขณะที่อยู่ในถ้ำจะได้ยินเสียงเหมือนงูขนาดใหญ่เลื้อยเคลื่อนไหวอยู่ในถ้ำอย่างช้า ๆ ตลอดเวลา และเท่าที่ตนสังเกตในจุดที่มีโขดหินงอกขึ้นมาสูงประมาณ 1 เมตรคล้ายพญานาครวมทั้งผนังถ้ำและหินจะมีมันวาวเหมือนผ่านการสัมผัสต่อเนื่อง ตนเชื่อว่าเป็นทางที่งูหรือสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่เลื้อนผ่านบ่อย ๆ ซึ่งเป็นไปตามความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคที่อาศัยอยู่ในถ้ำโหม่งวัดเขาพระทอง เพราะที่ผ่านมามีญาติโยมที่เป็นนักธุรกิจหลายคนที่เดินทางมาท่องเที่ยวจะพุดตรงกันว่าเมื่อเข้ามาในบริเวณวัดจะเห็นพญานาคตัวใหญ่พันรอบภูเขา ตอนแรกคิดว่าเป็นรูปปั้นพญานาคที่ทางวัดสร้างเอาไว้อย่างอลังการ แต่ที่ไหนได้จู่ภาพพญานาคที่พันรอบภูเขาหายวับไปต่อหน้าต่อตา นอกจากนี้ลูกหลานของตน และเด็ก ๆ อายุ 3-10 ขวบที่เข้ามาในวัดจะพูดตรงกันว่าเห็นงูขนาดใหญ่เลื้อยอยู่หน้าถ้ำโหม่งและตามจุดต่าง ๆ เป็นประจำ โดยเด็ก ๆ อายุ 3 -10 ขวบยังไร้เดียงสาคงไม่แต่งเรื่องโกหกอย่างแน่นอน
ทางด้านพระมหาอารยนันต์ อานันโท รักษาการเจ้าอาวาสวัดเจาพระทอง กล่าวว่า ที่ผ่านมามักจะมีเรื่องราวแปลกประหบาด เร้นลับ เหลือเชื่อเกิดขึ้นในวัดเขาพระทองอย่างต่อเนื่อง อาตมามองวส่าสามารถที่จะใช้วิทยาศาสตร์อธิบายได้ เช่น ล่าสุดที่กล้องวงจรปิดจับภาพดวงไฟขนาดใหญ่หน้ารูปพญานาคบายศรีเก่า ช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา อาจจะเกิดจากการหักเหของแสงก็เป็นไปได้ แต่ชาวบ้านเขามีความเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้ มีองค์พญานาคสิงสถิตรักษามหาสมบัติภายในถ้ำโหม่ง โดยมีตำนานเรื่องเล่าสืบต่อกันมายาวนานตั้งแต่สมัยการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ว่ามีคณะของเจ้าเมืองต่างถิ่นยกขบวนพร้อมทรัพย์สมบัติจำนวนมากมาเพื่อร่วมสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ แต่เมื่อมาถึงบริเวณถ้ำเขาพระทองทราบว่าพระบรมธาตุเจดีย์สร้างเสร็จแล้วจึงนำสมบัติมาไว้ในถ้ำเขาพระทอง หรือท่าวบ้านเรียก “ถ้ำโหม่ง”เนื่องจากเมื่อนำวัสดุมาเคาะชะง่อนหินในถ้ำจะมีเสียงดังคล้ายเสียงโหม่งหนังตะลุง ,โนราห์ โดยมีพญานาคซึ่งเชื่อว่าเป็นพ่อปู่มุจลินท์นาคราชเฝ่าสมบัติอยู่ “เมื่อหลายปีก่อนมีการพบพระพุทธรูปโบราณในถ้ำเขาพระทองจำนวนมาก และล่าสุดทางวัดพบพระพุทธรูปโบราณ 5 องค์ ได้นำมาประดิษฐานหน้าหลวงพ่อองค์ใหญ่ให้ประชาชนกราบไหว้บูชาแต่มีคนร้ายขโมยพระพุทธรูปไปและกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายเอาไว้ได้อย่างชัดเจน จนต่อมาคนร้ายนำพระพุทธรูปมาคืนเพราะไม่สามารถครอบครองพระพุทธรูปได้และกราบขอขมาหลวงพ่อองค์ใหญ่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเคยมีคนที่ไปหาขี้ค้างคาวมาทำปุ๋ยหมักพบพระพุทธรูปทรงเครื่องทองคำทั้งองค์ถูกล่ามโซ่เอาไว้กับชะง่อนหิน แต่ไม่สามารถยกออกจากถ้ำไปได้เพราะน้ำหนักมาก เมื่อจับพระพุทธรูปยกจะนำออกจากถ้ำปรากฏว่าถ้ำสะเทือนราวกับว่าถ้ำและภูเขาจะพังถล่มทลาย จึงรีบหนีตายออกจากถ้ำกลับไปบอกชาวบ้านแห่กันมาตรวจสอบกลับไม่พบพระพุทธรูปทองคำภายในถ้ำ พระพุทธรูปทองคำองค์ดังกล่าวหายไปอย่างเป็นปริศนา ซึ่งคนที่เข้าไปพบยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้”.
ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช
