“นายกฯตู่” ย้ำทุกหน่วยงาน รักษาความมั่นคงทางไซเบอร์ หลังถูกแฮกถี่

นายกรัฐมนตรีกำชับทุกหน่วยงานให้ความสำคัญการรักษาความมั่นคงทางไซเบอร์ หลัง กมช. ประเมินแนวโน้มเหตุการณ์ภัยคุกคามและมูลค่าความเสียหายมีมากขึ้น

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้กำชับทุกส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐให้ความสำคัญกับการมีมาตรการรักษาความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยเฉพาะหน่วยงานที่เก็บรักษาฐานข้อมูลที่สำคัญของประชาชน เนื่องจากแนวโน้มของเหตุการณ์และมูลค่าความเสียหายที่มาจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่สูงขึ้น ตามจำนวนผู้ใช้และเข้าถึงบริการอินเตอร์เน็ตและดิจิทัล

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ รัฐบาลได้วางกลไกการเฝ้าระวังและรักษาความมั่นคงทางไซเบอร์ผ่านคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) และมีสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) เป็นหน่วยดำเนินการในทางปฏิบัติตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา โดยมีพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 เป็นกฎหมายหลักในการกำหนดภารกิจ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ล่าสุด กมช. ได้รายงานถึงการดำเนินงานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.2564-มี.ค.2565) พบว่ามีเหตุการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่อฐานข้อมูลหน่วยงานของรัฐ 144 ครั้ง แยกประเภทภัยคุกคามที่พบมากที่สุดได้ ดังนี้ 1. Hacked Website ซึ่งเป็นลักษณะของการพนันออนไลน์ การปลอมแปลงหน้าเว็บไซต์จริงเพื่อหลอกเอาข้อมูล (Website Phishing) การโจมตีเว็บไซต์เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลเผยแพร่หน้าเว็บไซต์ (Website Defacement) 52 ครั้ง 2. ข้อมูลรั่วไหล 26 ครั้ง 3. จุดอ่อนช่องโหว่ 23 ครั้ง 4. Ransomware หรือ มัลแวร์เรียกค่าไถ่ 11 ครั้ง และ5. อื่นๆ 32 ครั้ง

สำหรับประเภทของหน่วยงานที่ถูกโจมตีด้วยภัยคุกคามทางไซเบอร์มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. หน่วยงานด้านการศึกษา 36 ครั้ง 2. หน่วยงานด้านสาธารณสุข 29 ครั้ง 3. หน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ 24 ครั้ง 4.หน่วยงานด้านพลังงานและสาธารณูปโภค 8 ครั้ง และ 5. ผู้ประกอบกิจการให้เช่าพื้นที่เว็บไซต์หรือที่เป็นดาต้าเซ็นเตอร์ 7 ครั้ง โดยศูนย์ประสานรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (ศปช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้ สกมช. ได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขและป้องกันปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอร์ด้วยปฏิบัติการต่างๆ ตามขั้นตอน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กมช. ได้ประเมินแนวโน้มเหตุการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ว่า การโจมตีด้วยการปลอมแปลงหน้าเว็บไซต์จริงเพื่อหลอกเอาข้อมูล (Website Phishing) มีโอกาสพบบ่อยครั้งและอาจมีรูปแบบที่แตกต่างไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และช่องทางการโจมตี หรือการโจมตีบนคลาวด์ก็อาจเกิดขึ้นได้ เพราะเป็นการโจมตีที่ทำได้ง่ายและมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง สำหรับกรณีข้อมูลรั่วไหลในอนาคตมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นและจะก่อให้เกิดมูลค่าความเสียหายแก่องค์กรเป็นจำนวนมาก

“นายกรัฐมนตรีให้ทุกหน่วยงานเพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยการประสานงานรับคำปรึกษาจาก ศปช. ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้ สกมช. เพื่อให้มีแนวทางในการป้องกัน ที่สอดคล้องกับมาตรฐานหรือแนวทางปฏิบัติสากล ทั้งการเตรียมการและป้องกันการเกิดภัยคุกคาม การตรวจจับและวิเคราะห์ภัยคุกคาม การระงับและปราบปรามภัยคุกคาม และการฟื้นฟูระบบงานเกิดผลกระทบ เป็นต้น” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

กกท.สุราษฎร์ฯ เผยสนามกีฬากลางคืบ 90%
กอ.รมน.ลำปาง ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยบ้านแม่พุ อ.เถิน
ผอ.ยะลา เขต 3 ตรวจเยี่ยมโรงเรียน
"ศาลรธน." ตีตก 2 คำร้อง กล่าวหา "อนุทิน" ทำ MOA พรรคปชน.ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ทำผิดล้มล้างการปกครอง
เรือนจำเบตงประดิษฐ์ริบบิ้นสีดำ มอบให้นายอำเภอและหน่วยงานราชการ
MEA ห่วงใย เตือนภัย อันตรายจากไฟฟ้า ในช่วง "ฝนตก-น้ำท่วม"

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​