เปิดประวัติ “พ่อท่านนวล ปริสุทโธ” วัดไสหร้า

ประวัติพ่อท่านนวล ปริสุทโธ วัดไสหร้า(วัดประดิษฐาราม)“พระครูวิสุทธิบุญดิตถ์” หรือ “หลวงพ่อนวล ปริสุทโธ” หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า “พ่อท่านนวล”  ท่านเกิดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2465 เกิดในตระกูลเจริญรูป ณ อำเภอทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ชีวิตในวัยเด็กของท่าน แต่ท่านเป็นคนขี้อาย มีความประพฤติเรียบร้อย ท่านเป็นคนรักเพื่อฝูง เป็นเด็กดีและเป็นที่รักของเพื่อนๆ และครอบครัว จนกระทั่งเมื่อถึงอายุเกณฑ์เข้าโรงเรียน ตอนนั้นท่านมีอายุ 7 ขวบ ท่านได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดมะเฟือง ต.นากกะชะ อ.ฉวาง จ.นครศรี ธรรมราช จนจบชั้นประถมปีที่ 6 ต่อมาเมื่อท่านมีอายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2485 ณ พัทธสีมาวัดภูเขาหลัก ต.ทุ่งสัง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช มีพระครูถาวรบุญรัตน์ วัดท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปลัดชื่น อินทสุวัณโณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ผู้สำรวมในสติ และกาย วาจา ใจ  “ท่านเป็นพระที่ ‘ปฏิบัติ’ อยู่ตลอด ท่านจะเจริญสติปัฏฐาน 4 อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเดิน หรือทำกิจวัตรต่างๆ ศีลาจารวัตรของท่าน คือท่านจะเดินอย่างเรียบร้อย นั่งอย่างเรียบร้อย แม้ในวัย 90 แม้แต่การครองจีวร จีวรของท่านที่ไม่เคยแปดเปื้อนเลย เวลาผมซักจีวรให้ท่านนี้ สังเกตว่ากลิ่นจีวรท่านจะหอมอยู่ตลอด หอมเหมือนยาต้ม เป็นกลิ่นสมุนไพร ท่านเป็นพระที่เรียบร้อยมาก ในกุฏิท่าน ที่นอนท่านนี่…ถ้าผมหยิบอะไรไปเช็ดทำความสะอาด ก็จะต้องตั้งไว้ที่เดิม ไม่มีสะเปะสะปะของอะไรเคยวางตรงไหน จะต้องอยู่ที่เดิม ท่านจะเรียบร้อยมาก” (เล่าโดยหลวงบ่าว-คุณเฉลิมพรกามณี) “พ่อท่านนวล … ช่วยด้วย!”  มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ “นา” เป็นคนแถวคลองเพรียง มาเล่าให้ฟัง บอกว่าวันหนึ่งไปกรีดยาง สวมสร้อยคอทองคำหนักประมาณ 5 บาท แล้วก็มีโจรเข้ามาด้านหลัง เอาปืนจี้ ปืนทิ่มจ่ออยู่ที่หัวเลย ผู้หญิงคนนั้นเล่าว่า ไม่รู้จะทำยังไงดี ก็นึกถึง แต่สร้อยที่แขวนเหรียญหลวงพ่อไว้ ก็เลยคว้าเหรียญหลวงพ่อมาอมไว้ แล้วก็พูดขึ้นว่า ‘พ่อท่านช่วยด้วย’ พอพูดเท่านั้น โจรที่เอาปืนจี้อยู่ที่ท้ายทอยด้านหลังก็ลั่นไกยิงเลย เธอบอกว่าหูอื้อแล้วก็สลบไปเลย มารู้สึกตัวคือมีคนพาเข้าโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่ามีแค่รอยถลอกที่ศีรษะ แต่ไม่เข้าไม่มีกระสุนฝังในเลย หาลูกปืนก็ไม่เจอ รู้แต่ว่าสลบไปเลยแล้วก็หูอื้ออยู่ 2 วัน พอออกจากโรงพยาบาลจึงมากราบหลวงพ่อแล้วก็เล่าเรื่องให้ท่านฟัง ส่วนเหรียญหลวงพ่อที่อมไว้ในปากก็หายไป…หาไม่เจอเลยเหมือนกัน” “มีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งอยู่จังหวัดกระบี่ก็โดนยิงมาเหมือนกัน ผู้ใหญ่คนนี้ถูกเอ็ม 16 ยิง แต่ไม่เข้า มีแต่รอยช้ำๆ ที่หน้าอก เขาก็ไม่ได้เล่าว่าทำไมถึงโดนยิง รู้แต่ว่าตอนเช้าเขามาหาหลวงพ่อ บอกว่าถูกยิง แต่ไม่เข้ามี แต่ปวด ๆ แล้วก็มีรอยตรงหน้าอก ซึ่งตอนที่ถูกยิงนั้นเขาก็แขวนเหรียญของพ่อท่าน ก็เลยมาเล่าให้ท่านฟัง”


“อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นกับ ‘แม่แดง’ เป็นคนแถวอำเภอพระแสงมีคนมาเล่าให้อาตมาฟังว่า ตอนนั้นเกิดไฟไหม้ขึ้นแถวบ้านของแม่แดงแล้วไฟไหม้ลามมาจะถึงสวนของแม่แดงอยู่แล้ว แม่แดงไม่รู้ว่าจะทำยังไงแกก็เอ่ยชื่อพ่อท่านออกมาว่า “พ่อท่านนวลช่วยด้วย !! เท่านั้นแหละ…ไฟดับ ดับชนิดที่แม่แดงแกก็ยังงงอยู่ว่าดับได้ยังไงเพราะไฟมันไหม้ล้อมมาหมดแล้ว … “ครูผู้ลึกล้ำใน ‘ปรมัตธรรม’ “ทำอะไรให้มีสติ” ประโยคนี้หลวงพ่อจะพูดเสมอ เป็นสโลแกนของท่านเลย ผมได้ยินมาบ่อยเพราะหลวงพ่อเองท่านปฏิบัติแบบเจริญสติปัฏฐานอยู่ตลอด ที่ว่าท่านมีวาจาสิทธิ์ เพราะเวลาที่ท่านจะพูดอะไรออกมาท่านจะไม่พลั้งเผลอมีสติเสมอ….เวลาที่หลวงพ่อท่านเดิน สายตาท่านจะทอดมองเหมือนเวลาที่พระเดินบิณฑบาต คือมองให้สายตาทอดลงที่พื้นตลอดนั่น คือกิริยาอาการของท่าน ซึ่งจะเป็นอย่างนั้นตลอด ตอนนี้เรารู้แล้วว่า “ท่านรู้” แต่เมื่อก่อนตอนที่บวชใหม่ ๆ นั้นเราก็คิดแต่ว่า หลวงพ่อท่านไม่ได้พูด ไม่ได้สอนอะไรเลย แต่จริงๆแล้วพอเราได้อ่านได้ศึกษาธรรมะมากขึ้น ได้ดูข้อธรรมต่างๆ แล้ว เราเลยจึงถึงบางอ้อว่าอ้อ! หลวงพ่อท่านสอนนะ สิ่งที่ท่านสอนคือสติปัฏฐาน ๔ ซึ่งท่านปฏิบัติอยู่ตลอดเลย คือท่านไม่ได้พูดนะว่าท่านกำลังสอน แต่ท่านปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่าง แล้วพอเราได้อ่านได้ศึกษา ก็จะเห็นว่าสิ่งที่ท่านปฏิบัติเป็นตัวอย่างให้เราเห็นอยู่นี้เรียกว่าการฝึกสติปัฏฐาน ๔ ซึ่งเป็นการสอนแบบ ‘ปรมัตธรรม’ คือปฏิบัติให้ดู ทุกกิริยาอาการที่ท่านทำทุกๆ ย่างก้าวของท่านจะเหมือนการเดินของราชสีห์เลย คือเดินนิ่ม แต่มีตบะ แล้วขณะที่หลวงพ่อท่านเดินอยู่นี้ ถ้าเราจะไปสนทนากับท่านด้วยเรื่องอะไรก็ตามหลวงพ่อท่านจะไม่เดินคุยนะ หลวงพ่อท่านจะหยุดเดินก่อน แล้วจึงพูดคุยกับเรา พูดเสร็จท่านจึงจะเดินต่อ


หลวงพ่อเข้าห้องน้ำที่นานเป็นชั่วโมง เวลาฉันข้าวก็เป็นอย่างนั้นฉันละเอียด ฉันจนคนที่ดูอยู่เขานับซ้อน(เพื่อไปเสี่ยงโชค) นั่นคือความละเอียดของหลวงพ่อ กิริยาการเดินก็เป็นอย่างนั้น แม้แต่พระผู้ใหญ่อย่างท่านเจ้าประคุณสมเด็จวัดปากน้ำ (สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์วัดปากน้ำ) ตอนที่ท่านมาเปิดศาลาการเปรียญของวัดไสหร้า หลวงพ่อท่านเห็นว่าสมเด็จฯ ท่านมีตำแหน่งทางสงฆ์ที่สูงกว่า ท่านก็นิมนต์ให้สมเด็จฯ เดินนำหน้า แต่สมเด็จฯ ท่านรู้ว่าพ่อท่านมีพรรษาสูงกว่า ท่านก็กราบหลวงพ่อ แล้วก็ไม่ยอมเดินนำหน้า แต่นิมนต์ให้พ่อท่านเดินก่อน นี่คือสิ่งที่ผมประทับใจคณะสงฆ์ รูปอื่น ๆ ก็เหมือนกันก้มกราบท่านหมดเลยแทนที่พระผู้ใหญ่ที่มาในวันนั้นจะถือยศหรือตำแหน่งทางสงฆ์ แต่ท่านเหล่านั้นไม่ได้ถือเรื่องนี้เลยทุกๆท่านขอกราบพ่อท่านนวลหมดเลย “(เล่าโดยพระครูวินัยธรวีระพงศ์วรปุญฺโญ)

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"รมช.กลาโหม" ลงพื้นที่ชายแดนใต้ เรียกถกคลี่คลายเหตุรุนแรง ย้ำรัฐบาลห่วงใยประชาชนทุกกลุ่ม ปรับรูปแบบกำลังพล ทำงานเข้มงวด
เหิมหนัก โจรใต้ลอบวางระเบิด "ทหารช่าง" ยะลา บาดเจ็บ 2 นาย
สืบสวนสัตหีบ รวบ เพรช ตีนแมว หลังขโมยรูปหล่อเสด็จเตี่ยหน้าโรงพักสัตหีบ และ พบประวัติก่อเหตุทั่วสัตหีบ
พิรุธ! 11 บริษัท ส่งออก "ปลาหมอคางดำ" แต่ไม่เคยขออนุญาตนำเข้า
บทพิสูจน์ การบังคับใช้กฎหมาย ก่อนเปิด "กาสิโน" หวยออนไลน์ ลามใช้เด็กและความอ่อนไหว "สถาบันครอบครัว" โฆษณา
กรมโยธาฯ แจงเหตุโครงการเขื่อนป้องกันชายฝั่งทะเล ประจวบคีรีขันธ์ ชำรุดเสียหาย
สระแก้ว ระทึก เพลิงไหม้โกดังสินค้าตู้แช่มือสอง กลุ่มควันลอยปกคลุมเมืองสระแก้วกว่า 10 กม.
“อนุทิน” ย้ำจุดยืน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ” พรรคร่วมต้องเป็นหนึ่ง หนุนทำประชามติ ฟังเสียงประชาชน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ฮ่องกงแข่งปีน 'ภูเขาซาลาเปา'
"พรรคส้ม" ออกแถลงการณ์ด่วน ผู้สมัคร สท.สมุทรปราการ โดนจับตั้งแก๊ง "บุญรักษา" ค้ายาเสพติดรายใหญ่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น