พิรุธอื้อ มือยิงแกนนำค้านโรงไฟฟ้าขยะ หนีไปแขวนคอตายกลางทุ่งนา

มือยิงแกนนำค้านโรงไฟฟ้าขยะ หนีไปแขวนคอตายกลางทุ่งนา ผู้เสียหายชี้ปมต้องสงสัยหลายจุด วอนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้แน่ชัด

วันที่ 8 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวติดตามกรณีเหตุไล่ยิงกันด้วยอาวุธสงคราม เกิดในพื้นที่บ้านหนองสามัคคี หมู่ 5 ต่อเนื่องมาถึงบ้านสันทรายงาม หมู่ 2 ต.สันทรายงาม อ.เทิง จ.เชียงราย รวมระยะทางประมาณ 4-5 กม. แต่โชคดีนายวรศิลป์ ขันทะลี อายุ 64 ปี ชาวบ้านสันทรายทอง หมู่ 6 ต.สันทรายงาม ซึ่งเป็นคนที่ถูกปองร้ายไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างได้ หลังเกิดเหตุจากการสืบสวนทราบว่าคนก่อเหตุใช้อาวุธสงคราม เอ็ม 16 ก่อเหตุโดยอุกอาจในครั้งนี้ คือ นายอาทิตย์ หรือ นายเข้ม ประทุมทิพย์ อายุ 35 ปี ที่อยู่ 120 หมู่ 6 ต.สันทรายงาม แต่หลังก่อเหตุได้หลบหนีออกจากพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับและระดมกำลังล่าตัวกันอย่างกระชั้นชิด

ต่อมาช่วงเช้าวันนี้ ทาง ร.ต.อ.สุรพงค์ วรรณขัน รอง สว.(สอบสวน) สภ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย ได้รับแจ้งว่ามีผู้พบศพผู้เสียชีวิตเพศชาย แขวนคอตายอยู่ใต้ต้นไม้กลางทุ่งนา พื้นที่บ้านห้วยก้างนาล้อม หมู่ 11 ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย ลักษณะคล้ายผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีกราดยิงที่ อ.เทิง หลังได้รับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เทิง มาตรวจสอบพื้นที่ร่วมกัน

ภายหลังได้รับการประสาน พ.ต.ท.พีรพัฒน์ โกษา รอง ผกก.ป. รรท.ผกก.สภ.เทิง จ.เชียงราย พร้อมตำรวจชุดสืบสวน สภ.เทิง ไปลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร รพ.พญาเม็งราย และสมาคมกู้ภัยเทิงการกุศล (หน่วยกู้ภัยเทิง) ตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุซึ่งอยู่กลางทุ่งนา ซึ่งมีเส้นทางการเกษตรเชื่อมต่อระหว่างบ้านห้วยก้างนาล้อม หมู่ 11 ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย และบ้านสันทรายงาม หมู่ 2 ต.สันทรายงาม อ.เทิง พบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว ทะเบียน 7กต 8591 กทม. จอดอยู่ห่างถนนหลักประมาณ 15-20 เมตร และไปพบศพของนายอาทิตย์ หรือ เข้ม ประทุมทิพย์ เอาสายเคเบิ้ลสีดำมาแขวนคอตายอยู่ใต้ต้นไม้กลางทุ่งนา เจ้าหน้าที่ตัดสายเคเบิ้ลนำร่างผู้เสียชีวิตลงมาตรวจสอบ พบว่า ศพเริ่มแข็งตัว คาดว่าเสียชีวิตมาก่อนที่เจ้าหน้าที่มาถึงไม่ต่ำกว่า 6 – 8 ชั่วโมง ที่โคนต้นไม้ใกล้กับจุดพบศพมีขวดเหล้าสักทองวางอยู่ 1 ขวด

จากการสอบถามนางสาย ประทุมทิพย์ อายุ 63 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เผยว่า หลังทราบข่าวว่าลูกแขวนคอตายอยู่ใกล้ทุ่งนาของพ่อแม่ เพราะถัดจากตรงนี้ไม่ไกลจะมีทุ่งนาพวกตนอยู่ ตนก็รีบมาดู ก็รู้สึกเสียใจ หดหู่กับสิ่งที่เกิดขึ้น ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับลูกชายก็น่าจะเป็นหลังจากที่ไปก่อเหตุกลับมา ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลูกชายพูดบอกว่าวันนี้ตัวเองคงจะต้องตายแล้วนะแม่ ไม่อยู่แล้วนะ มารู้ข่าวอีกที่ก็ตอนสายของวันนี้เพราะคนที่มีนาติดกันโทรมาบอก ตอนนี้ก็ได้คุยกับทางญาติของคนที่ลูกไปยิงว่าอย่าโกรธเคืองอะไรพวกตนเลยนะ เพราะพวกตนไม่ได้ทำ ลูกชายมันทำเอง ในส่วนตัวไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต ปล่อยให้เป็นไปตามกรรม ทำอย่างไรก็ได้รับกรรมตามนั้น

ด้านนายสุดใจ พานตะศรี อายุ 62 ปี เจ้าของที่นาซึ่งมาพบศพคนแรก กล่าวว่า ช่วงประมาณ 11 โมง ตนตั้งใจจะมาตีข้าวที่เกี่ยวไว้ที่ทุ่งนา ก็มาพบกับศพของนายเข้มที่แขวนคออยู่กับกิ่งไม้ ซึ่งพ่อแม่เขามีที่นาอยู่ใกล้กับนาตน พอเห็นดังนั้นจึงวิ่งไปบอกคนที่ขับรถเกี่ยวข้าวเพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ พอมีคนมาตายในที่นาตนเอง ตอนนี้ก็เลยรู้สึกกลัว คงไม่กล้ามาทำนาคนเดียวตอนกลางคืนอีกแล้ว หลังจากนี้อาจจะต้องมีการทำบุญสวดถอนต่างๆ ด้วย

หลังจากชันสูตรศพเบื้องต้นแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยพิสูจน์หลักฐานได้ไปตรวจสอบในรถเก๋งที่ผู้ก่อเหตุขับขี่มาจอดไว้ พบอาวุธปืนยาว M16 A1 พร้อมแม็กกาซีนบรรจุกระสุนจำนวน 2 อัน มีกระสุนปืนขนาก 5.56×45 mm. NATO อยู่ภายในแม็กกาซีนอันละ 7 นัด รวมทั้งหมด 14 นัด สมุดบุญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม 2 ชุด สำเนาใบ ป.4 และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง จึงเก็บรวบรวมเป็นหลักฐานเพื่อทำการตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามนายวรศิลป์ ขันทะลี ผู้ถูกไล่ยิง เปิดเผยว่า รู้สึกโล่งใจในระดับหนึ่งหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของนายเข้ม แต่ยังสงสัยลักษณะการเสียชีวิต ซึ่งตนเห็นจากรูปแล้วคิดว่าน่าสงสัยว่าจะเป็นการฆ่าตัดตอนหรือไม่ เพราะคนก่อเหตุเอามือจับที่สายที่เขาเอามารัดคอ ลักษณะเหมือนพยายามจะดิ้นรนให้ตนเองรอดชีวิตหรือไม่ หลังจากนี้ก็อยากให้เจ้าที่ที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบลักษณะการเสียชีวิตว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังหรือเปล่า รวมถึงที่มาของอาวุธปืนสงครามที่เอามาก่อเหตุด้วยว่าได้มาอย่างไร

นายวรศิลป์ กล่าวอีกว่า นอกจากประเด็นการทะเลาะวิวาทเรื่องไก่ชนในอดีตแล้ว ประเด็นรองลงไปที่ตนไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ตัดออกไปก็คือ ตนเป็นแกนนำในการคัดค้านโรงไฟฟ้าพลังงานขยะตำบลสันทรายงามมาโดยตลอด นายเข้มอาจจะรับงานมาจากฝั่งตรงข้ามให้มาจัดการตนก็อาจจะเป็นไปได้ และอีกประเด็นรองลงไปคือเรื่องการเมืองท้องถิ่น เพราะก่อนวันเกิดเหตุ 1 วัน มีนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งได้เข้ามาหาเพื่อทักทายในงานศพแห่งหนึ่ง แต่ตนไม่อยากทักเพราะไม่ชอบ ไม่อยากสนิท เขาก็พูดเหมือนอาฆาตตนว่าให้จำเอาไว้ ตนก็เลยคิดว่าประเด็นเหล่านี้อาจจะทำให้ตนถูกปองร้าย ส่วนเรื่องไก่ชนเป็นเรื่องในอดีต เป็นการกระทบกระทั่งกันของนักเลงไก่ ไม่น่าจะมีใครเจ็บแค้นถึงขนาดเอาปืนมาไล่ยิงกันแบบนี้

“หลังจากนายเข้มเสียชีวิตตนก็คงขออโหสิกรรมให้เขา เพราะเรื่องที่ผ่านมาตนไม่ได้ก่อ มีแต่เขาที่มาก่อเรื่องกับตน ทั้งตอนเล็กๆก็เคยขโมยไก่ชนของตน เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ก็เคยมีเหตุบ่อนไก่ของตนถูกเผา ตนก็คิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของนายเข้มเหมือนกัน และเรื่องที่เคยเอาปืนพกสั้นมายิงขู่ เรื่องพวกนี้ตนก็อภัยให้มาโดยตลอด เพราะคิดว่าเป็นลูกหลาน”

ในขณะเดียวกัน ที่บ้านของนายเข้มผู้เสียชีวิต ได้มีญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านที่ทราบข่าว ได้พากันมาจัดเตรียมสถานที่เพื่อประกอบพิธีศพตามประเพณี

ข่าวที่น่าสนใจ

วิโรจน์ วงศ์ใหญ่ ผู้สื่อข่าว TopNewsทั่วไทย จ.เชียงราย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

มรภ.อยุธยาเป็นเจ้าภาพจัดประชุม คสม.ทั่วประเทศ ชู “Soft Power รักษ์ไทย รักษ์ธรรม เลิศล้ำมรดกโลก”
“ภราดร” เผย ครม.เตรียมอนุมัติงบเยียวยาน้ำท่วมเพิ่มอีก 1.24 แสนครัวเรือน
น่านจัดแข่งขันเทควันโด “น่านกระซิบรักล้านนาตะวันออก ครั้งที่ 8” ดันเยาวชนสู่เวทีกีฬา – หนุนท่องเที่ยวท้องถิ่น
"กองเชียร์ฉะเชิงเทรา" สุดภูมิใจ "รร.หมอนทองวิทยา" สู้ยิบตา แม้แพ้นัดชิงชนะเลิศ เชื่อ "รถขนฝัน" จะพา "นักเตะ" ไปถึงจุดหมายแน่นอน
เปิดแผน 5 ขั้นตอน สร้างรั้วชายแดนไทย–กัมพูชา เริ่มหลักเขต 52–59 จันทบุรี-ตราด คาดใช้เวลา 15 วัน
"เทศกาลหนังเมืองกาญจน์ ครั้งที่ 4" เปิดฉากยิ่งใหญ่ ดันกาญจน์สู่ "City of Film" องค์การยูเนสโก

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​