วันที่ 4 พ.ย. 68 เวลา 13.30 น. ที่ ร้านปันรัษ์ สภ.เมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย, พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร รรท. ผกก.เมืองเชียงราย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายม้าถอนเงิน สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 ราย คือ นายชนชนม์ ชาวจ.มุกดาหาร, นางจีรวรรณ ชาว จ.ชลบุรี ในความผิดฐาน “เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากฯ หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมาย โทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนฯ, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, อั้งยี่, ช่องโจร”
ส่วนนายธีรยุทธ ชาว จ.เชียงราย, นายมานะ ชาว จ.ร้อยเอ็ด และนายกันทรากร ชาว จ.มหาสารคาม ถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ, อั้งยี่, ช่องโจร”
โดยสามารถตรวจยึดของกลาง 1.เงินสดรวม 373,000 บาท 2. รถยนต์เก๋ง 1 คัน 3.สร้อยคอลักษณะคล้ายทองคำ 2 เส้น 4.สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม 5. โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง
โดยการจับกุมในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 เวลาประมาณ 14.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจาก War Room สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าได้รับแจ้งว่าพบธุรกรรมต้องสงสัย ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีเชียงราย 1 เมื่อได้ตรวจสอบก็พบว่าเป็นหนึ่งในขบวนการในการรับจ้างกดเงินบัญชีม้า เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองเชียงราย จึงได้ทำการประสาน รอง ผกก.จราจร ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ใกล้จุดที่ได้รับแจ้ง เพื่อเข้าไปตรวจสอบตามข้อมูลรับแจ้ง
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงพบ นายชนชนม์ หรือใหญ่ กำลังทำธุรกรรมอยู่ที่ช่องให้บริการ จึงแสดง ตัวเข้าทำการตรวจสอบ จากการสอบถามให้การว่าตนได้รับว่าจ้างให้เปิดบัญชีธนาคาร เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 เพื่อรอรับเงินและให้ทำการถอนเงินสด ต่อมาวันที่ 3 พฤศจิกายน 68 ช่วงเช้าจำเวลาแน่นอนไม่ได้ ได้มีเงินเข้ามาในบัญชีของนายชนชนม์ หรือใหญ่ จริง จำนวน 400,000 บาท จากนั้นจึงได้ไปเบิกเงินสดจำนวน 400,000 บาท และนำมามอบให้กับ นายธีรยุทธ หรือแบงค์ ซึ่งทำหน้าที่ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า รุ่นมาสด้า 3 สีแดง เพื่อรับและส่งกลุ่มขบวนการบัญชาม้ารับจ้างกดเงิน และในครั้งนี้ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาพบได้มีเงินจำนวน 500,000 บาท เข้ามาในบัญชีของนายชนชนม์ หรือใหญ่ และได้รับคำสั่งให้ไปกดเงินสดอีกครั้งเพื่อนำมามอบ ให้กับนายธีรยุทธ หรือแบงค์ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบเสียก่อน นายชนชนม์ หรือใหญ่ ให้การเพิ่มเติมว่า มีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการจำนวนอีก 4 คือนางน้ำ, นายแบงค์, นายนะ และนายนัด รวม 4 คน อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าดังกล่าวด้วยกัน
แต่เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มผู้ร่วมขบวนการดังกล่าวได้หลบหนีไปออกมาจากห้างสรรพสินค้า โดยใช้ รถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า รุ่นมาสด้า3 สีแดง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รีบติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จนถึงบริเวณริมถนนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย รถยนต์คันดังกล่าว ได้จอดอยู่ริมถนนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง พร้อมกับกลุ่มผู้ร่วมขบวนการอีก 4 คน เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เชียงของ จ.เชียงราย ได้มาเที่ยวงานลอยกระทงและอยู่ใกล้จุดที่คนร้ายจะขับรถผ่าน จึงช่วยสกัดจับและประสานตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย มาตรวจสอบ พบเป็นนายธีรยุทธ หรือแบงค์, นางจีรวรรณ หรือน้ำ, นายมานะ หรือนะ, นายกันทรากร หรือนัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ
ผลการตรวจสอบพบเงินสด 371,000 บาท และขณะเดียวกัน นางจีรวรรณ หรือน้ำ แจ้งว่ายังมีเงินค่าจ้างที่ตนได้รับมาก่อนหน้านี้อยู่ 20,000 บาท และได้แสดงความบริสุทธิใจมอบคืนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย มาสอบปากคำเพิ่มเติมและรวมรวมพยานหลักฐาน จากนั้นจึงได้ร่วมกัน ควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการจับกุมในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่สามารถนำเงินคืนให้กับผู้เสียหาย 1 รายซึ่งก็ คือ นายนพดล ทิเลา อายุ 56 ปี ต.น้ำเลา อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ถูกหลอกลวงให้เล่นเกมกิจกรรม ออนไลน์ จนสูญเสียเงินไปกว่า 120,500 บาท โดยผู้เสียหายเล่าว่า ต้องการซื้อนมเอนชัวร์ โกลด์ ให้แม่วัย 80 ปี ไว้ดื่มบำรุงร่างกาย เพราะเคยสั่งซื้อจากแอปออนไลน์แล้วได้ของไม่ตรงปก และต่อมาได้เห็นโฆษณานมดังกล่าวในเฟสบุ๊ก มีภาพก้องสหรัฐดารานักร้องชื่อดังอยู่ด้วย จึงสนใจสั่งซื้อทางแชท แต่จากนั้นก็ถูกชักชวนเข้ากลุ่มไลน์เพื่อเล่นเกมร่วมสนุกชิงรางวัล จึงได้ร่วมสนุกโดยลงเงินครั้งแรก 200 บาท และถูกชักชวนให้เพิ่มเงินเรื่อยๆ เป็น 500 บาท 3,000 บาท 9,000 บาท และ 36,000 บาท ซึ่งในวันแรกเขาไม่ให้ถอนเงินออกมา
วันต่อมาก็ชักชวนให้เพิ่มเงินอีก 72,000 บาท ไม่เช่นนั้นจะถอนเงินทั้งหมดไม่ได้ ตนจึงลงทุนเพิ่มไปอีก รวมแล้วเป็นเงินกว่า 120,500 บาท แต่เขาก็ยังจะให้ลงทุนเพิ่มอีกอรื่อยๆ ตนเลยคิดได้ว่าต้องเป็นแก๊งมิจฉาชีพอย่างแน่นอน ตนจึงแจ้ง ธ.กรุงไทย สำนักงานใหญ่ เพื่อขออายัดบัญชี และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนสามารถติดตามเงินคืนได้ทั้งหมดในวันนี้ ตนต้องขอขอบคุณทั้ง ผบก.ภ.จว.เชียงราย ผกก.สภ.เมืองเชียงราย และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการติดตามเงินของตนคืน ซึ่งตนถือว่าเป็นคนส่วนน้อยที่สามารถติดตามเงินคืนได้อย่างทันท่วงทีแบบนี้ ก็อยากจะขอฝากเตือนไปยังคนอื่นว่า ถ้าหากมีคนมาชักชวนร่วมสนุกหรือชวนลงทุน ถ้าไม่มั่นใจอย่าทำโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นอาจถูกมิจฉาชีพหลอก และอาจจะสูญเงินเปล่า ไม่โชคดีได้เงินคืนเหมือนกรณีตนในวันนี้
