สุดคึกคัก! วันที่ 2 ปชช.แห่ใช้สิทธิ์ต่อเนื่อง พ่อค้า-แม่ค้า เฮ “คนละครึ่งพลัส” ดันยอดขายพุ่งเท่าตัว

ประชาชนแห่ใช้สิทธิ์แน่น พ่อค้า-แม่ค้า เฮ!! “คนละครึ่งพลัส” ดันยอดขายพุ่งเท่าตัว วอนรัฐบาลขยายเวลา-เพิ่มวงเงิน

สุดคึกคัก! วันที่ 2 ปชช.แห่ใช้สิทธิ์ต่อเนื่อง พ่อค้า-แม่ค้า เฮ “คนละครึ่งพลัส” ดันยอดขายพุ่งเท่าตัว – Top News รายงาน

 

 

ช่วงเย็นวานนี้ (29 ตุลาคม 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยโครงการ “คนละครึ่งพลัส” วันแรก ที่ตลาดนัดถนนคนเดิน อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พบประชาชนจำนวนมากออกมาใช้สิทธิกันอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเย็น โดยเฉพาะบริเวณร้านอาหาร เครื่องดื่ม ผัก และผลไม้ ที่มีประชาชนต่อแถวใช้สิทธิ์กันอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศในตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง

นางแก้ว อายุ 45 ปี เจ้าของร้านซูชิ เปิดเผยว่า ยอดขายเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปกติ ลูกค้าให้ความสนใจอย่างมาก ถือว่าเป็นมาตรการที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างดี “ดิฉันเข้าร่วมโครงการทั้งสองรอบ รู้สึกดีใจมากที่รัฐบาลช่วยผู้ประกอบการรายย่อยโดยตรง ร้านค้าเล็ก ๆ อย่างเรามีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”

ด้าน น.ส.จุฑารัตน์ ปราชญ์กุล อายุ 37 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เผยว่า ครอบครัวได้สิทธิคนละครึ่งพลัส 2 สิทธิ และใช้ครบทั้งหมดในวันแรก “รู้สึกว่าประชาชนและแม่ค้าได้รับประโยชน์จริง ๆ ตลาดกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง อยากขอบคุณรัฐบาลที่มีโครงการดี ๆ แบบนี้ และอยากให้ขยายเวลาเพิ่มวงเงินให้มากกว่านี้ เพราะประชาชนตอบรับดีมาก”

 

ขณะที่ นายสนธยา ทรัพย์วันนา อายุ 36 ปี เจ้าของร้านไก่ย่างที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ กล่าวว่า ตนตั้งใจจะสมัครแต่ยังไม่มีเวลา อีกทั้งขั้นตอนการลงทะเบียนค่อนข้างยุ่งยาก ต้องไปที่ธนาคารเพื่อตรวจสอบตัวตน “อยากให้รัฐบาลหาวิธีให้ผู้ค้าลงทะเบียนง่ายขึ้น เช่น ยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันได้เลย โดยไม่ต้องไปธนาคาร จะช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็กเข้าร่วมได้มากขึ้น”

 

ส่วน นางสำรวย อายุ 60 ปี เจ้าของร้านขายหัวหมู กล่าวเสริมว่า มีแม่ค้าผู้สูงอายุหลายคนที่ยังเข้าไม่ถึงระบบ เนื่องจากขั้นตอนซับซ้อนและไม่ถนัดใช้เทคโนโลยี “อยากให้รัฐบาลช่วยหาทางลดขั้นตอนหรือจัดเจ้าหน้าที่มาช่วยลงทะเบียนให้ในพื้นที่ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้เข้าร่วมโครงการด้วย”

 

 

ทั้งนี้ โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ถือเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับเสียงตอบรับดีจากทั้งผู้ค้าและผู้บริโภคในพื้นที่อำเภอปากช่อง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ต่างเรียกร้องให้รัฐบาล ขยายระยะเวลาและเพิ่มวงเงินการใช้จ่าย เพื่อให้มาตรการนี้สามารถต่อยอดฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างต่อเนื่อง

 

คนละครึ่งพลัส       

 

 

 

ช่วงค่ำวันเดียวกัน (29 ต.ค.) ที่ตลาดเซฟวัน จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งถือเป็นตลาดกลางคืนขนาดใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างหนาแน่น ร้านค้าภายในตลาดทั้งอาหาร เสื้อผ้า ของใช้ และของฝากขายดีเป็นเทน้ำเทท่า บางร้านถึงขั้นให้คิวแน่นจนไม่สามารถรับลูกค้าได้ทัน

นางสาวมณีรัตน์ เทียนมี หนึ่งในผู้ได้รับสิทธิโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ให้ข้อมูลว่า วันนี้ได้พาครอบครัวออกมาซื้อของและรับประทานอาหารที่ตลาดเซฟวัน พร้อมใช้สิทธิในโครงการดังกล่าว โดยได้เติมเงินเข้าแอปพลิเคชัน 200 บาท และรัฐบาลสมทบให้อีก 200 บาท ทำให้สามารถใช้วงเงินได้ถึง 400 บาทต่อวัน ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้มาก ถือว่าเป็นโครงการที่ดีของรัฐบาล เพราะช่วยให้ประชาชนระดับรากหญ้ามีกำลังซื้อมากขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะครอบครัวที่ต้องใช้จ่ายทุกวัน ก็รู้สึกเบาภาระลง อยากให้ขยายโครงการนี้ต่อไปอีก”

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จัดหวัดชัยนาท บรรยากาศการใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส วันที่ 2 ยังคึกคัก ที่ร้านพี.เอ็น.ซุปเปอร์ช๊อพ ร้านค้าปลีกแห่งใหญ่ ที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองชัยนาท มีประชาชนออกมาออกมาใช้สิทธิคนละครึ่งพลัสกันแต่เช้า หลังกระทรวงการคลังเปิดให้ใช้สิทธิวานนี้ ทำให้การจับจ่ายซื้อสินค้าดีขึ้นผิดหูผิดตา ทางร้านติดป้ายโครงการคนละครึ่งพลัสขนาดใหญ่ไว้หน้าร้าน เพื่อให้ลูกค้าสังเกตง่ายและดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าที่ร้าน โดยแต่ละคนนั้นรีบมาใช้สิทธิครั้งแรกก่อนวันที่ 11 พ.ย. 2568 นี้ เพื่อไม่ให้ถูกตัดสิทธิ์ตามเงื่อนไขของโครงการ ทำให้ที่ร้านลูกค้าแน่นต่อคิวกันยาวเหยียดเหมือนเล่นงูกินหาง

 

ส่วนสินค้าที่หลายๆ คนมาจับจ่ายใช้สอยกัน ที่ชายดีเป็นสินค้ายอดฮิตของประชาชน พ่อบ้าน แม่บ้าน ที่มาใช้คนละครึ่งพลัสคือ ข้าวสาร ผงซักฟอก กาแฟ รองลงมาคือของใช้ในชีวิตประจำวันแล้วแต่ความจำเป็น

โดยประชาชนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โครงการคนละครึ่งพลัสนี้น่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี อาจจะเป็นช่วงระยะสั้น แต่ก็น่าจะทำให้พลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ระยะหนึ่ง

 

ด้านนายภาณุวัฒน์ อยู่มี อายุ 63 ปี ชาวชัยนาท บอกว่า วันนี้รีบมาต่อคิวซื้อของ ทางร้านมีของให้เลือกเยอะ ราคาถูก วันนี้รีบมาแต่เช้าเพื่อมาใช้สิทธิตามโครงการคนละครึ่งพลัสครั้งแรกกลัวถูกตัดสิทธิ ในใจคิดมาจากบ้านแล้วว่าจะมาซื้อข้าวสารไปหุง ถุงละ 5 กิโลกรัม ราคา 200 บาท ตนจ่าย 100 รัฐช่วยจ่าย 100 บาท ที่มาซื้อข้าวเพราะอยากตุนไว้ เพราะของพวกนี้เป็นของที่ต้องใช้กินทุกวัน

 

 

 

จัดหวัดอุดรธานี วันที่ 2 ของการใช้ สิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส  บรรยากาศที่ร้านขายข้าวแกง “อุดรกินเก่ง” ถนนโพศรี เทศบาลนครอุดรธานี จ.อุดรธานี มีลูกค้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก หลายคนใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส เพื่อลดค่าใช้จ่าย โดยมีนายวิศาล จึงสงวนพรสุข อายุ 63 ปี เจ้าของร้าน ออกมาต้อนรับลูกค้า จดออร์เดอร์ และให้บริการอย่างเป็นกันเอง

 

นายวิศาล เปิดเผยว่า ธุรกิจพื้นฐานคือร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เปิดมานานกว่า 30 ปี เพิ่งจะมาเปิดร้านขาวแกงเพิ่มเติมด้ประมาณ 5 ปี และก่อนหน้านี้เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง มาแล้ว ซึ่งครั้งนั้นยอดขายเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติประมาณร้อยละ 20 – 30  เมื่อมีโครงการคนละพลัส จึงเข้าร่วมโครงการอีกครั้ง  ทำให้บรรยากาศ คึกคักขึ้นมาก คาดว่าครั้งนี้น่าจะกระตุ้นให้ยอดขายได้ถึงร้อยละ 40 – 50 เพราะตนเองมองว่า คนจะออกมาใช้สิทธิกันมาก   ส่วนตัว เห็นว่า โครงการนี้ เป็นโครงการที่ดี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หากรัฐบาลจะขยายโครงการออกไปอีกเฟส หรือเพิ่มวงเงิน ก็เห็นดีด้วย เพราะเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อย

ด้านนางจริยา จิตยโสธร อายุ 62 ปี ชาว อ.เมือง จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งมาทุกเฟส ร่วมถึง คนละครึ่งพลัส ด้วย  เมื่อวานเป็นวันแรก ตนเองก็ออกมาใช้สิทธิ 1 ครั้ง แต่ไม่เต็มวงเงิน  เช้าวันนี้ก็ออกมาทานข้าวเช้า ก็ใช้สิทธิอีกครั้ง  ส่วนตัว มองว่า เป็นโครงการที่ดี ช่วยลดค่าครองชีพประชาชนได้

 

 

จังหวัดเลย บรรยากาศการใช้สิทธิ โครงการ “คนละครึ่งพลัส” วันที่สอง ในเขตเทศบาลเมืองเลย อ.เมือง จ.เลย เป็นไปอย่างคึกคัก ร้านค้าหลายแห่งเผยว่า มีประชาชนทยอยออกมาใช้จ่ายผ่านโครงการ ฯ ตั้งแต่ช่วงเช้า

ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ระบุว่า เคยเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” มาก่อน   จึงเข้าร่วมโครงการ คนละครึ่งพลัส ส่วนขั้นตอนการใช้งานไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังเห็นผลชัดเจนในการช่วยกระตุ้นยอดขาย และสร้างบรรยากาศการจับจ่ายที่คึกคักมากขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยร้านค้าหลายแห่งชื่นชมระบบใหม่ของแอพพลิเคชันถุงเงิน ที่เมื่อมีการชำระเงินจะมีเสียงแจ้งเตือน “ เงินเข้าแล้ว” พร้อมยอดเงินจ่าย ช่วยสร้างความมั่นใจให้ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ

ประชาชนผู้ใช้สิทธิส่วนใหญ่ เผยว่า การใช้งานผ่านแอพพลิเคชัน “เป๋าตัง” เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหา และเห็นว่าโครงการนี้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคภายในครัวเรือน ซึ่งช่วยประหยัดเงินได้มากขึ้น หลายคนเร่งเปิดใช้สิทธิภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ตามเงื่อนไขของโครงการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

วัฒนแพทย์ภูเก็ตจับมือมูลนิธิกุศลธรรม เสริมระบบช่วยชีวิตประชาชน
ตำรวจระนองเดินหน้าสร้างภาพลักษณ์เชิงบวก มอบนโยบายทีมโฆษกทุกสถานี
ตามล่าคนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงิน 7-11
หัวหินเชิญชวนร้านค้าเข้าร่วม “คนละครึ่งพลัส” วันสุดท้าย
"คีรี" รับเสียดายโอกาสประเทศ ยันเดินหน้า พัฒนาสนามบินอู่ตะเภา แม้ล่าช้ากว่า 5 ปี หวัง ธ.ค. EEC มีข้อสรุปสิทธิประโยชน์ รัฐบาลเดินหน้าผลักดันโครงการให้เกิดรูปธรรม
"คีรี กาญจนพาสน์" เปิดใจต่อสู้กว่า 4 ปีจนสำเร็จ กทม.ยอมจ่ายหนี้กว่า 3.6 หมื่นล้าน ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า BTS ตามคำพิพากษาศาลปกครอง

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​