“รองจเรฯตร.” แฉปี 67 เจอเขมรสับขาหลอก ชวดจับแก๊งสแกมเมอร์ ยันไม่พบข้อมูลแก็งคอลฯหนีเข้าไทย

รองจเรฯยันตำรวจไทยบุกเขมรมาแล้วแบบเกาหลี แต่เจอเขมรสับขาหลอก ทำอดจับเครือข่ายสแกมเมอร์ แจงล่าสุดไม่พบเหยื่อเกาหลีซุกไทย

“รองจเรฯตร.” แฉปี 67 เจอเขมรสับขาหลอก ชวดจับแก๊งสแกมเมอร์ ยันไม่พบข้อมูลแก็งคอลฯหนีเข้าไทย – Top News รายงาน

 

 

รองจเรฯตร.

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศปอส.ตร. เปิดเผยภายหลังการประชุมด่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร.ได้เรียกประชุมเมื่อวานนี้ เพื่อดำเนินการตามปฏิบัติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย

โดยพลตำรวจโทไตรรงค์ ระบุว่า ผบ.ตร.ได้นำแนวทางของนายกรัฐมนตรีมาปฏิบัติ โดยขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ยกระดับการทำงานของศูนย์วอร์รูมที่จัดตั้งขึ้น ให้ทำงานร่วมกับธนาคารอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อดูแลเรื่องการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งนับตั้งแต่มีการจัดตั้งศูนย์ฯ สามารถระงับการเคลื่อนย้ายเงินออกนอกประเทศได้แล้วกว่า 40%

เมื่อถามถึงความแตกต่างในการปฏิบัติงานของตำรวจไทยกับทางการเกาหลีใต้ที่ใช้เวลาไม่นานในการนำพลเมืองกลับประเทศ พลตำรวจโทไตรรงค์ ยืนยันว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ปฏิบัติ ตำรวจไทยเคยทำมาก่อนและพยายามมาโดยตลอด พร้อมยกตัวอย่างในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน 2567 ตำรวจไซเบอร์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานงานกับตำรวจกัมพูชา โดย พลตำรวจเอกธัชชัย ปิตะนีละบุตร ขณะดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ ศปอส.ตร. ได้เดินทางไปกรุงพนมเปญ เพื่อมอบข้อมูลที่ตำรวจไทยเรียกว่า คดีภูริคาสิโน ซึ่งเป็นที่ตั้งของทั้งคาสิโนและเครือข่ายสแกมเมอร์

ข่าวที่น่าสนใจ

ในครั้งนั้น ตำรวจไทยสามารถขยายผลและออกหมายจับผู้กระทำความผิดทั้งคนไทยและกัมพูชาได้มากกว่า 160 หมายจับ พร้อมมีตำแหน่งที่ตั้งของฐานปฏิบัติการสแกมเมอร์ที่ชัดเจน และได้นำข้อมูลทั้งหมดประสานกับทางการกัมพูชา โดยมีการแจ้งว่าจะมีการปฏิบัติการร่วมกัน

เมื่อทางการกัมพูชาพาตำรวจไทยไปดูอาคารปฏิบัติงานของสแกมเมอร์ ก็ได้พบอาคารที่มีรั้วรอบขอบชิด มีส่วนของการกักขังและห้องปฏิบัติงานเหมือนที่ตำรวจเกาหลีใต้เจอ แต่ภายหลังจากกำหนดวันที่จะลงปฏิบัติการเข้าจับกุมและช่วยเหลือ กลับเลื่อนนัดหมายโดยตลอด จนเวลาล่วงเลยไปกว่า 1 เดือน และขอให้เจ้าหน้าที่ไทยกลับประเทศก่อนจะนัดหมายใหม่ ส่งผลให้ในครั้งนั้น ตำรวจไทยต้องกลับบ้านมือเปล่า

ดังนั้นยืนยันว่าตำรวจไทยเดินหน้าปฏิบัติการดังกล่าวมาก่อนทางตำรวจเกาหลีใต้และทำอย่างจริงจัง แต่ความร่วมมือที่เราได้รับจากทางการกัมพูชาแตกต่างจากเกาหลีใต้ เรื่องนี้อยู่ที่ทางกัมพูชาที่จะตัดสินใจให้ความร่วมมือกับไทยเหมือนกับที่ให้กับเกาหลีใต้หรือไม่

 

นอกจากนี้ พลตำรวจโทไตรรงค์ ยังกล่าวว่า ในการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ตำรวจไทยได้มีการนำส่งข้อมูลถึงสถานที่ตั้งของสแกมเมอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา 62 จุด ให้ทางการกัมพูชา แต่ทางการกัมพูชาก็ไม่ยอมรับ

 

รองจเรตำรวตแห่งชาติ กล่าวอีกว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงต่างประเทศยกระดับเกี่ยวกับมาตรการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ โดยจะต้องประสานงานกับหน่วยงานนานาชาติทั้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และหน่วยงานการช่วยเหลือ ทั้งภาคเอกชน และ NGO ให้เข้ามาร่วมมือกันกับทางการไทยในการช่วยเหลือเหยื่อและส่งต่อข้อมูล รวมถึง กดดันไปยังประเทศที่เป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

 

ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือปปง.นั้น พลตำรวจโทไตรรงค์ กล่าวว่า ได้ดำเนินการกับบุคคลในเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นบุคคลสองสัญชาติ เช่น กรณีของ ออกญา ลี ยงพัด หรือชื่อไทยว่า พัด สุภาภา สมาชิกวุฒิสภาและนักธุรกิจชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนและไทยเกาะกง เจ้าของบริษัทแอลวายพีกรุป ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยรับเรื่องไปตรวจสอบว่าผิดกฎหมายส่วนใด หากพบว่ามีความผิดก็จะมีการ เพิกถอนสัญชาติ เป็นลำดับต่อไป โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยืนยันว่ามีหลักฐานแน่ชัดว่า พัด สุภาภา มีบัตรประชาชนของประเทศไทย แต่เป็นชาวกัมพูชา และมีชื่ออยู่ในเครือข่ายสแกมเมอร์ รีสอร์ทโอเสม็ดคาสิโน ที่ตั้งอยู่ฝั่งกัมพูชา ซึ่งคาดว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสำนักงาน ปปง. ได้อายัดทรัพย์ของ พัด สุภาภา เฉพาะในประเทศไทยไปแล้วประมาณ 70 ล้านบาท

 

สำหรับการที่มีกระแสข่าวว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชากระจายตัวและบางส่วนหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย พร้อมกับมีการนำชาวเกาหลีใต้ที่ทำงานเข้ามาซุกซ่อนร่วมด้วยนั้น พลตำรวจโทไตรรงค์ ยืนยันว่าขณะนี้ทราบเพียงกระแสข่าวจากสื่อมวลชนเท่านั้น แต่ในการตรวจสอบยังไม่พบข้อเท็จจริง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกนิติ” ยันการลาออกของ “วรภัค” ไม่กระทบการทำงาน ก.คลัง
“นายกฯอนุทิน” สั่งกสทช. ตรวจสอบปมส่งสัญญาณเน็ตทางอ้อม ให้สแกมเมอร์ หากพบให้ไล่ปิดทันที
โรแมนซ์สแกมเขมรฟันเงินหนุ่มเกาหลี 73 ล้านเหรียญปีนี้
ปธน.เกาหลีใต้จ่อคุยฮุนมาเน็ตถกปัญหาสแกมเมอร์
“กัน จอมพลัง” แถลงแจงยอดเงินบริจาคทั้งหมด ยินดีให้ตรวจสอบมูลนิธิฯ เตรียมยื่นมท.ด้วยตัวเอง พร้อมแก้ข้อ 39 เปลี่ยนจาก “มูลนิธิธรรมนัส” ขึ้นเป็นประธานเอง
“หงกี่” ร้านลับเก่าแก่กลางเกาะไทป้า ตำนานรสชาติดั้งเดิมย่านถั่มใจ๋  

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​