ปฏิรูปกฎหมาย ปลดล็อกศักยภาพท่าเรือไทย

วงการขนส่งทางทะเลของไทยกำลังจับตามองการปรับปรุงกฎหมายการท่าเรือฯ ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่จะส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศและระบบโลจิสติกส์ ของประเทศในอนาคต

การท่าเรือแห่งประเทศไทย คือหน่วยงานที่ขับเคลื่อนการขนส่งสินค้าทางน้ำระหว่างประเทศ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม โดยบริหารจัดการท่าเรือ 5 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างประเทศ คือท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง

 

จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของเมือง ความพิเศษของท่าเรือทั้ง 2 แห่ง คือตั้งอยู่บนจุดทำเลทองสามารถต่อยอดทั้งทางธุรกิจและการท่องเที่ยว แต่ด้วยภาระหน้าที่ ที่กำหนดไว้ตาม พ.ร.บ. การท่าเรือฯ ตั้งแต่ พุทธศักราช 2494 ระบุให้ต้องบริการที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า เช่น บริการเรือเทียบท่า การขนถ่ายและการเก็บรักษาสินค้า “เพียงเท่านั้น” การพัฒนาที่ดินที่มีอยู่ นับพันไร่จึงยังไม่มีกฎหมายรองรับ ทำให้ที่ผ่านมายังใช้พื้นที่ไม่เต็มศักยภาพหรือตรงตามมูลค่า ที่เพิ่มขึ้น นั่นจึงเป็นที่มาของการแก้ไขข้อกฎหมายเพิ่มเติม โดยเฉพาะการขยายวัตุประสงค์ การดำเนินการของการท่าเรือฯ พร้อม ๆ กับการทบทวนแผนพัฒนาพื้นที่อีกครั้ง

 

ข่าวที่น่าสนใจ

รัฐบาลจึงเร่งผลักดันการแก้กฎหมาย โดยกระทรวงคมนาคม ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.การท่าเรือฯฉบับใหม่ เข้าคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 กระทั่ง คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ก่อนนำเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งที่ประชุมสภาก็ผ่าน ความเห็นชอบในวาระ 1 ไปแล้ว พร้อมกับการแต่งตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณา

โดย พ.ร.บ.การท่าเรือฯ ฉบับใหม่นี้ จะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะจะเพิ่มอำนาจ การท่าเรือฯ สามารถบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างคล่องตัว ทั้งการให้เช่าและการพัฒนาเชิงพาณิชย์ นอกจากการปรับปรุงระบบการขนถ่ายสินค้าให้ทันสมัยขึ้นแล้ว ยังแบ่งโซนพื้นที่ ให้เป็นท่าเรือ Cruise Terminal รองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นศูนย์ประชุม ศูนย์แสดง-สินค้า Smart Community พัฒนาพื้นที่ทุกตารางนิ้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะ และประเทศชาติสำคัญ

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

รวบ! หนุ่มเขมรลักลอบทิ้งน้ำเสียลงคลอง ชาวบ้าน สุดทน จับมือ ตร.-อบต. ล้อมจับคารถบรรทุก
ป.ป.ช.เดินหน้า คดี "พีระพันธุ์" แจกถุงยังชีพ ตั้งคกก.ทำงานคู่ลุยไต่สวน พร้อมออกหมายเรียกรอบใหม่
“ผบ.ทบ.” ควง “มทภ.2” บินด่วนสุรินทร์ ถกแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินชายแดน
"กรณ์" เตือน 2 รทสช. "พีระพันธุ์-เอกนัฏ" ถอยตั้งหลักสร้างพรรคใหม่ ยกฉันทามติสังคม ชี้ชัดแล้วนายกฯควรลาออก
IAEA ประชุมฉุกเฉินขอเข้าตรวจสอบโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน
“พีระพันธุ์” เรียกประชุมด่วน หลังอิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ เส้นทางน้ำมันโลก ย้ำไทยเตรียมพร้อมรับมือ
หลังบ้าน "มทภ.2" พร้อมคณะแม่บ้านฯ มอบเครื่องอุปโภค-บริโภค ให้กำลังใจพลทหาร ปฏิบัติหน้าที่ชายแดน ปราสาทตาเมือนธม
“ถาวร” ผนึกกำลังนักศึกษาม.รามฯ ร่วมชุมนุม 28 มิ.ย.นี้ ชี้ปม “คลิปเสีบงมรณะ” ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ย้อนประวัติศาสตร์ 20 ปี การเมืองไทย สารพัด “ม็อบ” โค่นรัฐบาล แต่สุดท้ายกระบวนการกฎหมาย “นิติสงคราม” คือหมัดน็อกจัดการรัฐบาล
"ผบ.ทอ." ตรวจความพร้อม"ฝูงบินรบ" โคราช ย้ำศักยภาพ ปฏิบัติกำลังทางอากาศป้องอธิปไตยปท.

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น