ตลอดช่วงเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ย่านธุรกิจสำคัญเกิดขึ้นใจกลางเมือง โดยเฉพาะย่านถนนพระราม 4 สาทร สีลม เขตคลองเตย ที่เป็นเหมือน จุดยุทธศาสตร์ศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจของภาคธุรกิจและที่อยู่อาศัย มีห้างสรรพสินค้าแหล่งช็อปปิ้งมากมาย มีระบบขนส่งมวลชน ทั้งรถไฟฟ้า เรือ และทางด่วน ทำให้ราคาที่ดินทุกตารางนิ้วพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว ทุกภาคส่วนจึงต้องวางแผนการใช้ที่ดินอย่างเหมาะสม ซึ่งท่าเรือกรุงเทพ ก็เป็นอีกหน่วยงาน ที่ตั้งอยู่ในย่านนี้
กระทั้งปี 2562 รัฐบาลในสมัยนั้น ได้ริเริ่มให้จัดทำแผนพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ พื้นที่ขนาด 2,300 ไร่ติดริมน้ำ-เจ้าพระยาให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยแผนพัฒนาแบ่งเป็นส่วนของท่าเทียบเรือและจัดเก็บสินค้าขนาด 943 ไร่ ก็จะปรับลดขนาดลงครึ่งหนึ่ง พร้อมกับนำเทคโนโลยีอาคารเก็บตู้สินค้าแนวสูงที่ทันสมัย เช่นเดียวกับที่ ฮ่องกง และ ญี่ปุ่นมาใช้
ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง จะปรับปรุงเป็นท่าเทียบ “เรือสำราญ” รองรับนักท่องเที่ยวให้สามารถเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ พร้อมกับผุดโครงการมิกซ์ยูสพื้นที่สำนักงาน พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ หอประชุม ศูนย์แสดงสินค้า ที่ทันสมัยริมแม่นํ้าเจ้าพระยา สามารถดึงดูดเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ส่วนพื้นที่นอกเขตรั้วท่าเทียบเรือจำนวน 1,410 ไร่ ที่ปัจจุบันมีหน่วยงานราชการมาขอใช้ รวมทั้งเป็นที่ชุมชนแออัดถึง 26 ชุมชน ก็จะพัฒนาให้เป็นอาคารที่พักอาศัยมากกว่า 6 พันยูนิต และเป็นสถานบริการสาธารณสุข มูลนิธิ สนามกีฬา อาคารที่จอดรถ พื้นที่ตลาด โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก รวมทั้งเป็นพื้นที่สีเขียว