No data was found

สมาคมภัตตาคาร วอนรัฐผ่อนปรนมาตราการ

เสนอ 2 ข้อถึงนายกฯ ประเมินเสียหายเบื้องต้น 1400 ล้านบาท ลากยาวส่อเจ๊งทั้งประเทศ ขอปลดล็อคนั่งกินในร้านได้ตั้งแต่ 7 พ.ค. ระบุทุกร้านปฏิบัติตามมาตราฐานสากลในการเปิดบริการ ระยะยาวขอรัฐอุดหนุนค่าจ้าง 50% งดเก็บภาษี

วานนี้ นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย  ได้ทำหนังสือถึงนายกฯ เพื่อขอให้ช่วยผ่อนคลายมาตราการให้กับกลุ่มธุรกิจภัตตาคาร  โดยมีเนื้อหาระบุว่า เนื่องจากคำสั่งของ ศบค.ในวันที่ 29 เม.ย.2564 ที่ผ่านมา ให้ร้านอาหารในพื้นที่ 6 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามมีการให้บริการนั่งรับประทานอาหารในร้านเป็นเวลา 14 วัน ทางสมาคมภัตตาคารไทย ในฐานะผู้แทนกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร ได้รับข้อร้องเรียน ปรับทุกข์ จากผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยมาตรการดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ประกอบการร้านอาหารอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบของการระบาดโรคโควิด-19 และจากมาตรการควบคุมใน 2 ระยะการระบาดที่ผ่านมา ทำให้มีร้านจำนวนไม่น้อย ต้องยอมพ่ายแพ้ เลิกกิจการพร้อมกับหนี้สิน และอีกจำนวนมากกำลังเข้าสู่จุดวิกฤติ ของกิจการ สุ่มเสี่ยงต่อการต้องปิดกิจการจากมาตรการครั้งนี้ ซึ่งหากปล่อยให้เป็นเช่นนั้น จะสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจประเทศตามมา ซึ่งมูลค่าความเสียหายของธุรกิจร้านอาหาร โดยประมาณการ จากคำสั่งล่าสุดนี้ อยู่ที่ 1,400 ล้านบาทต่อวัน อีกทั้งธุรกิจร้านอาหารมีห่วงโซ่เชื่อมโยงต่อธุรกิจอื่น ๆ มากมาย โดยเฉพาะภาคการเกษตรอันจะสร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ตามมาได้

ทางสมาคมภัตตาคารไทยในฐานะผู้แทนผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร จึงมีข้อเรียกร้องมายังท่านนายกรัฐมนตรี เพื่อกรุณาพิจารณา 2 ข้อ ดังต่อไปนี้
1.อนุญาตให้ร้านอาหารสามารถนั่งรับประทานในร้านได้ ไม่เกิน 21.00 น. และงดนั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน ขอให้พิจารณาอนุญาตในวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 ทั้งนี้ ในช่วงการระบาดของโรคโควิด -19 ที่ผ่านมา ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข จัดทำมาตรฐาน SHA (Amazing Thailand Safety & Health Administration) ขึ้นมา เพื่อให้สถานประกอบการภาคบริการทั่วประเทศเข้าร่วม โดยมาตรฐาน SHA นับเป็นมาตรฐานด้านสาธารณสุข ที่อยู่ในระดับเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ของสมัชชาการท่องเที่ยวโลก (World Travel and Tourism Council หรือ WTTC) ที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ภาคธุรกิจร้านอาหารเป็นหนึ่งในกลุ่มกิจการที่เข้าร่วมมาตรฐาน SHA มีร้านอาหารจำนวนกว่า 2,000 ร้านที่ผ่านการตรวจสอบและให้การรับรองตามมาตรฐาน SHA ซึ่งร้านเหล่านี้เป็นร้านที่มีมาตรการป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ขั้นสูงสุด และยังมีร้านอาหารอีกจำนวนมาก ที่แม้จะไม่ได้อยู่ภายใต้มาตรฐาน SHA แต่ก็ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ ศบค.กำหนดมาอย่างเข้มงวดเช่นกัน ร้านอาหารเหล่านี้ มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก เพื่อทำมาตรฐานสาธารณะทุกข้อ เป็นการแสดงออกถึงการให้ความร่วมมือกับ ศบค.ด้วยดีตลอดมา จึงมั่นใจได้ว่า ร้านเหล่านี้มีมาตรฐาน ทั้งในการป้องกันการติดเชื้อจากทั้งลูกค้าและพนักงานในร้านอยู่ในระดับสูง มีความปลอดภัย สามารถเปิดให้บริการให้นั่งรับประทานได้ หากเทียบกับสถานที่สาธารณะอีกหลายประเภทที่ผู้คนจำนวนมากไปใช้บริการประจำวันหลายสถานที่ยังไม่สามารถปฏิบัติมาตรการด้านสาธารณสุขตาม ศบค. กำหนดได้ ร้านอาหารขณะนี้ ส่วนใหญ่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดทุกข้อที่รัฐบาลออกมาอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในเรื่องการตรวจวัดอุณหภูมิ การทำความสะอาด การเว้นระยะ และหรือ มีฉากกั้น ยิ่งปัจจุบันลูกค้าหรือผู้มาใช้บริการลดลงเกินกว่า 50 % สามารถจัดการเว้นระยะได้เกินกว่ามาตรฐานกำหนด

 

1.1 ร้านอาหารที่เป็นอาหารจานเดียวริมทางหรือร้านเล็ก ๆ ที่เป็นตึกแถว ขอให้พิจารณาอนุญาตกลับมาให้นั่งทานในร้านได้เช่นกันในวันที่ 7 พ.ค.2564 โดยมีข้อกำหนดบังคับให้ร้านอาหารประเภทดังกล่าวดำเนินการดังนี้
1.1.2 ต้องลดที่ลงอย่างน้อย 50 % ของที่นั่งเดิม
1.1.3 ต้องมีการเว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะไม่ต่ำกว่า 1 เมตร
1.1.4 ไม่อนุญาตให้ลูกค้าที่ไม่ได้มาด้วยกัน นั่งรวมโต๊ะเดียวกันเด็ดขาด
1.1.5 ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานของสาธารณสุข ก่อนเข้าร้านอย่างเคร่งครัด
1.1.6 หากตรวจพบว่าไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขเหล่านี้ได้ ท้องถิ่น และ สาธารณสุข มีสิทธิ์ที่ใช้อำนาจในการตักเตือนแก้ไขทันทีในครั้งที่ 1 หากยังไม่สามารถปฏิบัติตามได้อีก สามารถใช้อำนาจในการสั่งปิดต่ออีก 7 วัน ตามคำสั่งของ ศบค. ได้ทันที
1.2 ร้านอาหารประเภทปิ้งย่าง ชาบู บุฟเฟ่ต์ ไม่อนุญาตในนั่งโต๊ะเดียวกันเกิน 4 คน และต้องเว้นระยะห่างโต๊ะไม่ต่ำกว่า 2 เมตร หรือ 1 เมตร แต่มีฉากกั้น รวมทั้งไม่อนุญาตให้ตักอาหารบุฟเฟ่ต์เอง หากไม่มีมาตรการดูแลป้องกันอย่างถูกวิธี เช่น ลูกค้าต้องใส่แมสปิดปากปิดจมูกทุกครั้งที่ไปรับอาหารหรือตักอาหาร และร้านต้องให้ลูกค้าใส่ถุงมือพลาสติกส่วนตัวด้วยทุกครั้ง รวมทั้งจำกัดจำนวนคนในการเดินตักอาหารให้เหมาะสมด้วย

2.มาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการร้านอาหาร ด้วยสถานการณ์ผลกระทบของการระบาดโควิด-19 ตั้งแต่รอบแรกจนมาถึงปัจจุบัน ผู้ประกอบการร้านอาหารส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึงมาตรการช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจของภาครัฐ ด้วยเพราะมีข้อกำหนด หลักเกณฑ์มากมาย ไม่สอดคล้องต่อสภาพความจริงของการประกอบธุรกิจ SME ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร ต้องประสบกับปัญหาด้านการเงินอย่างมาก สมาคมภัตตาคารไทย จึงใคร่ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีได้กรุณาพิจารณาเยียวยา ดังนี้
2.1 รัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาค่าจ้าง เงินเดือน 50 %
2.2 งดการจัดเก็บภาษีในรอบระยะเวลาบัญชี 1 ปีที่ผ่านมา
2.3 ผ่อนผันการชำระดอกเบี้ย เป็นเวลา 6 เดือน และพักการชำระเงินต้นเป็นเวลา 1 ปี
2.4 ขอความกรุณารัฐบาลโดย ศบค.ประสานเจ้าของห้างสรรพสินค้าลดค่าเช่าอย่างน้อย 50 % โดยเจ้าของพื้นที่ที่ให้ส่วนลดสามารถนำไปลดหย่อนภาษีจากรัฐบาลในรอบบัญชีถัดไป ซึ่งเป็นการช่วยประคับประคองร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบมาตลอดทั้งปี
2.5 การเข้าถึงแหล่งเงินกู้

ทางสมาคมภัตตาคารไทยในฐานะผู้แทนผู้ประกอบการธุรกิจภัตตาคาร และร้านอาหาร ทราบดีมาตลอดถึงความห่วงใยของท่านนายกรัฐมนตรี ที่มีมายังผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร และเราเองตระหนักในความสำคัญของการมีส่วนร่วมแก้ไขวิกฤตการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงให้ความร่วมมือด้วยดีตลอดมา แม้จะต้องแบกรับความเสียหายทางธุรกิจไว้โดยลำพังก็ตาม จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านนายกรัฐมนตรีจะพิจารณาผ่อนปรนมาตรการในส่วนของร้านอาหารและพิจารณามาตรการช่วยต่าง ๆ ตามที่ได้นำเสนอมานี้
////////////////////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

แฟนบอล แห่ต่อคิวกินหมูกระทะร้านดังขอนแก่นฟรี หลัง "แมนยู" ได้แชมป์
ปลูกข้าวแปลงนาส่วนพระองค์ รับขวัญพระแม่โพสพ รำลึก12 ปี ในหลวง ร.9 เสด็จพระราชดำเนินทุ่งมะขามหย่อง
"ทักษิณ" เยือนวัดสวนแก้ว เข้ากราบ สนทนาธรรม "พระพยอม"
มาแล้ว "อนาคตไกล" รอยื่นจดทะเบียนพรรค 30 พ.ค. ฮึ่มฟ้องสื่อตีข่าวมั่วโยงสีส้ม
อีลอน มัสก์ไม่เห็นด้วยสหรัฐขึ้นภาษี ‘รถ EV จีน’
กรมทรัพยากรธรณี ชี้ “คตข้าวสาร” เมล็ดข้าวในหินพระร่วง เป็นสิ่งมีชีวิตเก่าแก่กว่าไดโนเสาร์
จีน นักศึกษาไทยร่วมงาน ‘คอนเสิร์ตริมถนน’ ในกุ้ยโจว
สหรัฐ ศาลสั่งตำรวจจ่าย 33 ล้านบาทในคดีฆาตกรรม
"ทนายอนันต์ชัย" จัดหนักเปิดโปงความจริง เตรียมยื่นอัยการสูงสุด สอบปม “เจ้าลัทธิเชื่อมจิต” ด้านพศ.พบคลิปเด็ด มั่นใจสอยตกสวรรค์ยกก๊วน
"วราวุธ" ชูนโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร โยงภาคเกษตร-แรงงาน แนะใช้เทคโนโลยี สร้างมูลค่าเพิ่ม

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น