สภาแห่งชาติเวียดนาม ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ ในวันนี้ (22 พ.ค.) รับรองการแต่งตั้ง โต เลิม ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ตามที่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเสนอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
โต เลิม วัย 66 ปี เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการกวาดล้างการทุจริต ในฐานะรัฐมนตรีความมั่นคงสาธารณะ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่า เขาใช้กลไกนี้เป็นเครื่องมือ เขี่ยฝ่ายตรงข้ามในศึกชิงอำนาจทางการเมือง
หลังผ่านการรับรอง ประธานาธิบดี โต เลิม กล่าวต่อที่ประชุม ว่า เขาจะมุ่งมั่นกวาดล้างการทุจริตอย่างแข็งขันต่อไป
แม้ประธานาธิบดีเป็นตำแหน่งทางพิธีการ แต่ก็เป็นตำแหน่ง 1 ใน 4 เสาหลักทางการเมือง อีก 3 ตำแหน่งได้แก่ หัวหน้าพรรคอมมิวนิสต์ นายกรัฐมนตรี และประธานสภาแห่งชาติ
การลงมติตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ มีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม สภาแห่งชาติเวียดนามลงมติแต่งตั้ง นายเจิ่น ทันห์ มาน รองประธานสภาฯ ให้เป็นประธานสภาฯ คนใหม่ ซึ่งน่าจะช่วยยุติความระส่ำระสายทางการเมืองในเวียดนามที่ยืดเยื้อมานานสองเดือน ที่ทำให้ประธานาธิบดีสองคนต้องลาออกจากความผิดที่ไม่มีการระบุชัดเจน กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งยังทำให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณภาครัฐ และความช่วยเหลือจากต่างประเทศหลายพันล้านดอลลาร์ หยุดชะงัก
พล.ต.อ. โต เลิม ขึ้นทำหน้าที่ต่อจาก นายหวอ วัน เถือง ที่ดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคม 2566 และลาออกในเดือนมีนาคม 2567 หลังจากถูกกล่าวหาว่าละเมิดระเบียบของพรรคและบกพร่อง และก่อนหน้านั้น เหวียน ซวน ฟุก ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2564 ก็ลาออกในเดือนมกราคม 2566 หลังจากมีรัฐมนตรีหลายคนพัวพันเรื่องการทุจริต นอกจากนี้ ประธานสภาแห่งชาติยังลาออกในเดือนเมษายน ด้วยเหตุผลคลุมเครือเช่นเดียวกัน ทำให้ 2 ตำแหน่งสำคัญใน 4 เสาหลัก ว่างนานนับเดือน
นักวิเคราะห์มองว่า การแก่งแย่งทางการเมืองอาจบรรเทาลงแค่ชั่วคราว เพราะยังมีศึกสำคัญรออยู่ เนื่องจาก นายเหงียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคนปัจจุบัน วัย 80 จะหมดวาระสมัยที่ 3 ในปี 2569 หรืออาจจะเร็วกว่านั้นถ้าเขาลงจากตำแหน่งก่อนหมดวาระ ซึ่งจะต้องจับตาต่อไป ว่า โต เลิม จะใช้ตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งเป็น 1 ในตำแหน่ง 4 เสาหลักทางการเมือง ก้าวสู่เลขาธิการพรรคหรือไม่