นายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ตของกัมพูชา แถลงวานนี้ (11 เมษายน) ว่า กัมพูชาจะเดินหน้าโครงการขุดคลองมูลค่า 1,700 ล้านดอลลลาร์สหรัฐ ที่จะเชื่อมกรุงพนมเปญกับทะเล
โครงการขุดคลองฟูนัน เตโช เป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานล่าสุดที่ได้รับการสนับสนุนจากจีนในกัมพูชา ประเทศที่ได้รับการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ในฐานะพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของจีนในยุคอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน คลองเทียมจะมีความกว้าง 100 เมตร ลึก 5.4 เมตร ยาว 180 กิโลเมตร เชื่อมกรุงพนมเปญ กับท่าเรือกัมพูชาในอ่าวไทย ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชา โดยไม่ต้องผ่านเวียดนามซึ่งเป็นเส้นทางเดิม
แต่โครงการนี้จุดความวิตกจากนักวิชาการในประเทศเพื่อนบ้านเวียดนาม ว่าอาจเอื้อประโยชน์ให้กับเรือรบจีนเข้ามาใกล้กับชายฝั่งเวียดนาม แต่นายกฯ ฮุน มาเน็ต ปัดความวิตกข้อนี้ ระหว่างกล่าวปราศรัยในจังหวัดตาแก้ว ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งที่คลองเทียมจะตัดผ่าน ก่อนออกทะเลที่จังหวัดแกบ โดยบอกว่า กัมพูชาจะไม่ยอมให้ประเทศใด มาใช้กัมพูชา เป็นฐานต่อต้านอีกประเทศหนึ่ง และคลองที่จะขุด ก็ตื้นเกินไปสำหรับเรือรบ คลองสายนี้เป็นโครงการประวัติศาสตร์ ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนกัมพูชาหลายล้านคน
นายกฯฮุน มาเน็ต ยังอ้างว่า โครงการคลองฟูนัน เตโช ที่คาดว่าจะดึงน้ำจากแม่น้ำบาสัก สาขาของแม่น้ำโขง จะไม่ส่งผลกระทบต่อการไหลของน้ำในแม่น้ำโขงสายหลัก ที่ประชาชนหลายล้านในภูมิภาคอาศัยทำประมงดำรงชีวิต
ทางด้าน สมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำ 3 ทศวรรษของกัมพูชา ปัจจุบันนั่งประธานวุฒิสภา ทวีตร่ายยาวเป็นข้อ ๆ ยืนยันเช่นกันว่า โครงการลอจิสติกส์โครงการแรกที่จะเชื่อมต่อกัมพูชากับทะเล ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับเรือรบจีน
วันเดียวกันที่กรุงฮานอย รองโฆษกกระทรวงต่างประเทศเวียดนาม แถลงว่า เวียดนามได้ร้องขอให้กัมพูชา รักษาความร่วมมือใกล้ชิดกับเวียดนาม กับคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง หรือ MRC และกับโลก ในการแบ่งปันข้อมูล และประเมินผลกระทบต่อโครงสร้างแหล่งน้ำ และสภาพแวดล้อมเชิงนิเวศวิทยาของพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง เพื่อให้แน่ใจว่า ผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนในภูมิภาคนี้จะผสมผสานกลมกลืน ก่อนย้ำว่า การใช้ทรัพยากรน้ำในแม่น้ำโขงอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน จะช่วยพัฒนาลุ่มน้ำโขง รักษาผลประโยชน์ของชุมชน และเอกภาพระหว่างประเทศลุ่มน้ำโขง
เป็นที่คาดว่า โครงการขุดคลองฟูนันเตโช จะเริ่มก่อสร้างในปีนี้ ใช้เวลา 4 ปี ก่อนเริ่มดำเนินงานได้ในปี 2028 อ้างอิงจากเอกสารที่กัมพูชายื่นต่อ MRC เมื่อเดือนสิงหาคม 2566