เนทันยาฮู -ฮามาสประณามหมายจับ ICC ไบเดนกางปีกป้อง ไม่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา และจะยืนหยัดข้างอิสราเอล
หลังนายคาริม ข่าน หัวหน้าอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศหรือ ICC ขอหมายจับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนาทันยาฮู ของอิสราเอล และนายโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล รวมถึง 3 ผู้นำอาวุโสกลุ่มฮามาส 3 คน ได้แก่ ยาห์ยา ซินวาร์, โมฮัมเหม็ด เดอิฟ และ อิสมาอิล ฮานีย์ ในข้อหาอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ทั้งในฉนวนกาซาและอิสราเอล
เนทันยาฮูได้ออกมาประณามคำขอของข่านว่า เป็นการแสดงความไม่พอใจทางการเมือง ซึ่งจะไม่หยุดยั้งอิสราเอลจากการทำสงครามกับกลุ่มฮามาส และกำลังราดน้ำมันเพื่อจุดไฟแห่งการต่อต้านยิวที่กำลังลุกลามไปทั่วโลก ส่วนนาย อิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศระบุว่า การยกเนทันยาฮูและกัลแลนต์ มาเปรียบคู่กับกลุ่มฮามาสที่ดุร้ายเหมือนนาซี เป็นความอับอายทางประวัติศาสตร์ที่จะถูกจดจำตลอดไป ในขณะที่นาย ยาริฟ เลวิน รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ประณามการเคลื่อนไหวดังกล่าวว่า เป็นหนึ่งในความอับอายทางศีลธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ และเสนอแนะว่า ความพยายามที่จะปฏิเสธรัฐอิสราเอลถึงสิทธิในการป้องกันตนเอง เป็นการแสดงออกของ การต่อต้านชาวยิวยุคใหม่และความเกลียดชังชาวยิว ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
ด้าน ซามี อาบู ซูห์รี เจ้าหน้าที่อาวุโสของกลุ่มฮามาส กล่าวว่า ICC กำลังถือว่า เหยื่อเท่ากับผู้ประหารชีวิต และการตัดสินใจนี้ จะสนับสนุนอิสราเอลให้ดำเนินสงครามทำลายล้างในฉนวนกาซาต่อไป พร้อมเรียกร้องให้ยกเลิกคำขอหมายจับผู้นำของตน
สำหรับความเคลื่อนไหวของสหรัฐ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เขียนในแถลงการณ์ว่า การขอหมายจับผู้นำอิสราเอลนั้น ถือเป็นเรื่องอุกอาจ และ ไม่ว่าอัยการคนนี้จะสื่อถึงอะไรก็ตาม ไม่มีความเท่าเทียมกันระหว่างอิสราเอลและฮามาส เราจะยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอลเสมอในการต่อต้านภัยคุกคามต่อความมั่นคงของตน นอกจากนี้ในขณะที่เขาเป็นเจ้าภาพจัดงาน เดือนแห่งมรดกชาวอเมริกันเชื้อสายยิวที่ทำเนียบขาว ไบเดนยังกล่าวประณาม ICC อีกครั้งและยืนยันว่า การกระทำของอิสราเอลในฉนวนกาซา ไม่ถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ส่วนนาย แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวว่า สหรัฐปฏิเสธความพยายามอันน่าละอายที่จะเปรียบเทียบอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็น องค์กรก่อการร้ายที่โหดเหี้ยมที่ก่อเหตุสังหารหมู่ชาวยิวที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และ ICC ไม่มีเขตอำนาจศาลในเรื่องนี้ และทิ้งท้ายว่า การประกาศดังกล่าว อาจส่งผลเสียต่อความพยายามในการหยุดยิง ปล่อยตัวประกัน และให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา
ทั้งนี้ ICC ได้ออกหมายจับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคม ปีที่แล้วฐานก่ออาชญากรรมสงคราม ในสงครามยูเครน แต่การดำเนินการในวันจันทร์นี้เป็นครั้งแรก ที่ ICC พยายามแทรกแซงความขัดแย้งในตะวันออกกลาง