ผลงานชิ้นเอก “สว.” ดับฝัน “พิธา” นายกฯว่าวฐานหมกมุ่นแตะม.112 ปลื้ม 5 ปีองครักษ์พิทักษ์ “รธน.” ปี 60 คว่ำร่างแก้ไขถึง 25 ฉบับ 

เช็กผลงานโบว์แดง "สว." ไม่แตกแถวโหวต "บิ๊กตู่" ผงาดนายกฯ ดับฝัน "พิธา" นายกฯว่าวฐานหมกมุ่นแตะ ม.112 ทิ้งทวนโหวต "เศรษฐา" ขึ้นแท่นนายกฯตั้งรัฐบาลสลายขั้ว ปลื้ม 5 ปีองครักษ์พิทักษ์ "รธน." ปี 60 คว่ำร่างแก้ไขถึง 25 ฉบับ 

TOP News รายงานข่าวจากรัฐสภาว่า ภายในเที่ยงคืนของวันนี้ 10 พฤษภาคม 2567 สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดที่ 12 จะถือว่าสิ้นสุดวาระลงและไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญ ภายหลังดำรงตำแหน่งครบ 5 ปี โดย สว.ชุดนี้ มักถูกเรียกว่า “สว.เฉพาะกาล” ตลอดระยะเวลาที่ทำหน้าที่ เนื่องจากที่มาของ สว. มาจากบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 269 ซึ่งกำหนดไว้ว่าต้องถูกแต่งตั้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งแม้หมดวาระไปแล้ว สว. ยังคงทำหน้าที่ได้เหมือนเดิมยกเว้นการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีและพิจารณากฎหมายปฏิรูปประเทศ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะรักษาการไปจนถึงวันที่ 2 ก.ค. 2567 ที่จะได้ สว. ชุดใหม่

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ผลงานชิ้นเอก “สว.” โหวตคว่ำ “พิธา”

สำหรับผลงานเด่นของ สว. ชุดนี้ มีโอกาสร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี 3 ครั้ง ได้นายกรัฐมนตรี จำนวน 2 คน โดยโหวตครั้งแรกในวันที่ 5 มิ.ย. 2562 เห็นชอบแบบไม่แตกแถว 249 เสียง ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้า คสช. แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ เป็นนายกฯ คนที่ 29 มีเพียงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ที่งดออกเสียง เนื่องจากต้องทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม

ต่อมา สว.ชุดนี้ ได้มีโอกาสโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง ในวันที่ 13 ก.ค. 2566 โดยรัฐสภาคว่ำชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล โดยมี สว.เพียง 13 คนที่โหวตเห็นชอบ ขณะที่เสียงส่วนใหญ่งดออกเสียง 159 คน , ไม่มาประชุม / ไม่ลงคะแนน 43 คน และอีก 34 คนไม่เห็นชอบ ส่วนใหญ่ให้เหตุผลไปในทิศทางเดียวกันคือติดเรื่องการแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 ทำให้ต้องโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 3 ในวันที่ 22 ส.ค. 2566 โดยรัฐสภามีมติ 482 ต่อ 165 เห็นชอบนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ คนที่ 30 ซึ่ง สว. โหวตเห็นชอบ 152 เสียง , ไม่เห็นชอบ 13 เสียง และงดออกเสียง 68 เสียง

ส่วนผลงานที่ถูกมองว่าเป็นการทิ้งทวน คือ การขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ซึ่งเสนอโดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน และคณะ โดยเป็นการเปิดอภิปรายรัฐบาลครั้งแรกของ สว.ชุดนี้ และเป็นการขอเปิดอภิปรายในรอบ 11 ปี ของวุฒิสภา มี สว. ลงชื่ออภิปรายทั้งสิ้น 55 คน พุ่งเป้าไปที่วิกฤตการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล 7 ด้าน เน้นไปที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตและการพักโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

“สว.” ปลื้ม 5 ปีองครักษ์พิทักษ์ “รธน.” ปี 60 คว่ำร่างแก้ไขถึง 25 ฉบับ

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา สว.ได้แต่งตั้งกรรมการองค์กรอิสระ เห็นชอบไป 24 คน ประกอบด้วย ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 7 คน , กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 6 คน , กรรมการสิทธิมนุษยชน 5 คน , กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 2 คน , ผู้ตรวจการแผ่นดิน 2 คน , กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 1 คนและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน 1 คน

นอกจากนี้ ในเรื่องการพิจารณากฎหมาย สว.ชุดนี้ได้คว่ำร่างกฎหมายแก้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 จำนวน 25 ฉบับ จากที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอจำนวน 26 ฉบับ มีเพียงร่างเดียวที่ผ่าน คือ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83, 91 ซึ่งเป็นการแก้ระบบเลือกตั้ง ส.ส. ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์

จากการประชุมวุฒิสภาครั้งสุดท้ายในวันที่ 9 เม.ย. 2567 นายพรเพชร ในฐานะประธานวุฒิสภา ได้กล่าวสรุปผลงานต่อที่ประชุมว่าตลอดระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2562 – 9 เม.ย 2567มีการประชุมไป 258 ครั้ง ใช้เวลา 1,579 ชั่วโมง 55 นาที ผลการดำเนินงานด้านกฎหมาย ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รวม 54 ฉบับ มีการอนุมัติพระราชกำหนด 14 ฉบับด้วย นอกจากนี้ยังมีผลงานด้านกระทู้ถาม รวม 588 กระทู้ ถูกตีตกไป 187 กระทู้

ภายหลังจากปิดสมัยประชุมไปแล้ว สว.ยังคงถูกวิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากใช้งบจำนวน 81 ล้านบาท บินไปดูงานต่างประเทศ ช่วงปลายเดือน เม.ย. และต้นเดือน พ.ค. 2567 ที่แม้แต่ สว. ด้วยกัน ก็ยังตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ และเมื่อสำรวจรายได้ของ สว.ตลอด 5 ปี จะพบว่า ประธานวุฒิสภา 1 คน มีเงินเดือน เดือนละ 119,920 บาท รวมเป็นเงิน 7,195,200 บาท , รองประธานวุฒิสภา จำนวน 2 คน เงินเดือน เดือนละ 115,740 บาท รวมเป็นเงิน 13,888,800 บาท ขณะที่ สว. อีก 247 คน ได้เงินเดือน เดือนละ 113,560 บาท คิดเป็นเงิน 1,682,959,200 บาท รวมเงินเดือนตลอด 5 ปี ทั้งหมดจำนวน 1,704,043,200 บาท ขณะที่เบี้ยประชุมเฉลี่ยครั้งละ 1,500 บาท เมื่อพ้นวาระไปแล้ว ยังได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ เดือนละ 12,000 บาท เป็นเวลา 12 ปี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“นฤมล” ยืนยัน พรรคกล้าธรรม ยังสนับสนุน“นายกฯ” ทำงานต่อ ขอคนไทยสามัคคี อย่าหลงเกมกัมพูชา ช่วยกันส่งกำลังใจให้ทหารแนวหน้า
ซีพีประกาศจุดยืน “องค์กรแห่งความหลากหลาย” เดินหน้ายกระดับนโยบาย DEI และสิทธิมนุษยชน สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากล
"ประเสริฐ" กางข้อมูล-หลักฐาน ซัด "กัมพูชา" เป็นแหล่งอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติใหญ่สุดในโลก
“ไตรศุลี” หอบใบลาออก 5 รมต.ภูมิใจไทย ยื่นนายกฯ มีผลทันที
“ประเสริฐ” พร้อมนั่ง "มท.1" ย้ำสัมพันธ์พรรคร่วมรบ.แน่นปึ้ก
วิบากกรรม “ตระกูลชินวัตร” จบไม่สวยกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
พรุ่งนี้ “นายกฯ” ลงพื้นที่ชายแดน ช่องบก อุบลฯ นัดหมายคุยต่อหน้า “แม่ทัพภาคที่ 2”
ด่านคลองลึก คุมเข้มการเดินทางออกไปยังฝั่งปอยเปตอย่างเข้มงวด โดยแม่ทัพภาคที่ 1 เตรียมลงพื้นที่ จ.สระแก้ว
"ภูมิธรรม" มั่นใจพรรคร่วมฯเดินหน้าบริหารปท.ต่อ เหน็บ "ภท." ไม่เข้าใจสถานการณ์ ร้องขออย่าขยายขัดแย้ง
ไม่หวั่น ! การสู้รบบริเวณชายแดนเชื่อทหารสามารถปกป้องได้ยอมรับกลัวได้ยินเสียงปืนฝั่งเพื่อนบ้านแต่ไม่หนี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น