“ทนาย แอมไซยาไนด์” จ่อเอาผิด “บิ๊กโจ๊ก-ทีมสืบสวน” ตามพ.ร.บ.อุ้มหายฯ อ้างถูกย่ำยีศักดิ์ศรี ทำร้ายจิตใจจนแท้งลูก

"ทนายพัช" ร้องอัยการสูงสุด สอบยกชุดทีมสืบสวนคดีแอมไซยาไนด์ ตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ของ “ บิ๊กโจ๊ก” ร่ายยาว พฤติกรรมการจับกุม คุมขัง และสอบสวน ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติกฎหมาย ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นเหตุให้ได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจจนต้องแท้งลูก

“ทนาย แอมไซยาไนด์” จ่อเอาผิด “บิ๊กโจ๊ก-ทีมสืบสวน” ตามพ.ร.บ.อุ้มหายฯ อ้างถูกย่ำยีศักดิ์ศรี ทำร้ายจิตใจจนแท้งลูก – Top News รายงาน

ทนาย แอมไซยาไนด์

วันนี้ (26 เม.ย.67) น.ส. ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช ทนายความ ของ แอม สรารัตน์ ผู้ต้องหาคดี “คดีแอมไซยาไนด์” เดินทางเข้าพบ นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย โดยมีการนำหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ ทีมของทนายพัช รวบรวมได้ มอบให้นายวัชรินทร์ เพื่อให้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีต่อไป

ข่าวที่น่าสนใจ

ทนายพัช กล่าวว่า ที่ตนเองเดินทางมาในวันนี้ ก็เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้กับผู้ต้องหาและเพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากมีการบังคับใช้ กฎหมายเกี่ยวกับการอุ้มทรมาน มาได้เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่การทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ยังไม่ถูกต้อง ส่วนสาเหตุที่เพิ่งมาร้องเรียนเนื่องจาก อยู่ระหว่างเตรียมคดีของ แอม ซึ่งปัจจุบันข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ครบสมบูรณ์แล้วพร้อมที่จะพิสูจน์ต่อศาล ซึ่งข้อเท็จจริงสำคัญที่เป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ทรมานอุ้มหาย ที่ตนนำมาร้องเรียนในวันนี้คือ

ประการแรก ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุกับแอม สรารัตน์ นั้นกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว

ประการที่สอง พฤติกรรมขณะจับกุม ตามพ.ร.บ.ดังกล่าวซึ่งมีเจตนารมณ์ของกฎหมาย มุ่งเน้นให้เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ถูกจับกุมไปส่งพนักงานสอบสวนให้เร็วที่สุด แต่กลับปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำนรวจชุดจับกุม ได้พาผู้ถูกจับกุมไปยังสโมสรตำรวจ เป็นเวลาหลายชั่วโมง เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และทำให้เกิดความอับอาย (แห่นางแมว)

ประการที่สาม การควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งในชั้นจับกุมและชั้นพนักงานสอบสวนจะต้องมีการบันทึกวีดีโอไว้ ทั้งหมด แต่ชุดจับกุมและพนักงานสอบสวน ชุดดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมาย

ประการที่สี่ การข่มขู่ผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ระหว่าง ตั้งครรภ์และข่มขู่ไปถึงบุตร และบุคคลอันเป็นที่รัก ซึ่งขณะนั้น แอมยังมีการตั้งครรภ์บุตรคนที่สาม ยังไม่แท้งอันเป็นการกระทำที่ผิดตามกฎหมายดังกล่าว ถือว่า เป็นการกระทำทารุณทางจิตใจ และการกล่อมให้รับสารภาพ ยังถือเป็นจุดประสงค์หลัก เพื่อให้ได้มาซึ่งคำรับสารภาพเท่านั้น

ประการที่ห้า การปฏิบัติหน้าที่ขณะที่ผู้ต้องหาอยู่ในเรือนจำจะต้องได้รับการตีความตามกฎหมายเช่นกันว่า หากมีลักษณะข่มขู่ทั้งตนเองหรือบุคคลอื่น จนทำให้เกิด ความกลัว ควรจะต้อง ตีความว่าเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายนี้เช่นเดียวกัน ประการที่หก ดังที่ทนายพัชเคยกล่าวเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 ว่า จะเป็นการบูรณาการกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยเพื่อให้เป็นรูปธรรม ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนคนไทยจะเห็นคดีตัวอย่างในมุมที่ดีนำไปปรับใช้กับการอยู่ร่วมกันในสังคมและการปฏิบัติตนของผู้มีอำนาจ เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ

ซึ่งเมื่อพิจารณาตามกฎหมายย่อมต้อง กระทำตามหน้าที่ อย่างโปร่งใส ถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้ ผู้ที่ลงชื่อปฏิบัติงานในบันทึกจับกุม จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด หากมีการจับกุมและดำเนินการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะการทำงานของตำรวจซึ่งในหลายคดีจะเห็นว่า จะมีลงชื่อปฏิบัติงานจำนวนมากแต่ตัวไม่อยู่ (มีชื่อแต่ไม่มีตัว มีชื่อแต่อ่านไม่ออกตรวจสอบไม่ได้) ซึ่งในกรณีดังกล่าวหากมีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ. ทรมานอุ้มหาย ผู้ที่มีรายชื่อจะต้อง ร่วมรับผิดทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลให้การปฏิบัติงาน ของตำรวจตรงไปตรงมา ไม่ใช่ลงชื่อเอาหน้า ประการที่เจ็ด ผู้บังคับบัญชาที่รู้เรื่องดังกล่าวจะต้องรับผิดตามมาตรา 42 ต้องได้รับโทษด้วยกึ่งหนึ่ง

เพื่อให้เป็นต้นแบบแก่เจ้าพนักงานชุดจับกุม ว่าควรทำอย่างไรให้ถูกต้อง และเมื่อเลื่อมใสในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ย่อมต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลตํารวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ต้องรับผิดตามมาตรา 42

ท้ายนี้ แอม สรารัตน์ แสดงเจตจำนงสุจริตที่จะใช้สิทธิตามที่กฎหมายเพื่อรับรอง และคุ้มครอง พร้อมทั้งยืนยันว่า ถูกกระทำย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง และทำร้ายจิตใจ จนเกิดการแท้งบุตรจริง โดยกฎหมายตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่มีข้อยกเว้นให้ไม่ต้องปฏิบัติแม้ยามเกิดสงครามจะหยิบยกขึ้นมาอ้างไม่ได้เช่นกัน ซึ่งถือว่า เป็นกฎหมายใหม่ ที่ผดุงความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง

แอมไซยาไนด์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ขนลุก! มูลนิธิร่วมกตัญญู จัดโต๊ะจีนเชิญดวงวิญญาณตึกสตง.ถล่ม "หนุ่มกู้ภัย" ร้องลั่น "หิว ช่วยด้วย"
"เอกสิทธิ์" เผยมาตรฐาน-คุณภาพภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัจจัยสำคัญสร้างเชื่อมั่นความปลอดภัย รองรับพิบัติภัยในอนาคต
"รมว.ท่องเที่ยว" ระดมภาครัฐ-เอกชน ถกปัญหาความปลอดภัย ฟื้นภาพลักษณ์เที่ยวไทย หลังเจอกระแสข่าวด้านลบ
นาทีชีวิต! ส่งเฮลิคอปเตอร์ EC-725 ช่วยผู้ป่วยวิกฤต ส่งถึงมือแพทย์ได้ทันเวลา
วธ. จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระกุศล "เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ" วันคล้ายวันประสูติ
"สก.นภาพล" ซัดกระทู้ถาม "กทม." เมื่อไหร่จะจ่ายคืนหนี้ BTS ย้ำดอกเบี้ยเพิ่มวันละ 4.5 ล้าน แฉฟาดรายได้ค่าโดยสาร 3 เดือน กว่า 2 พันล้าน แต่ให้เอกชนแบกภาระวิ่งรถไฟฟ้า
จีนสั่งยกเว้นภาษีสินค้านำเข้าบางประเภทจากสหรัฐ
"รองผอ." คดีฮั้วประมูล เผย "3 วิศวกร" รับลงชื่อตรวจงานสร้างตึกสตง.จริง เร่งสอบลายมืออีก 7 ราย ยังปฏิเสธ
"นายกฯ" รับมอบเงิน 5 ล้าน มูลนิธิเรนวูด ช่วยผู้ได้รับผลกระทบแผ่นดินไหว
"อดีตผู้พิพากษา" ชี้ตรง ป.ป.ช.-อสส.ไม่ทำหน้าที่โจทก์ เหตุศาลฎีกาฯ ต้องออกโรงไต่สวนเอง "ทักษิณ"ไม่ติดคุกจริงตามคำพิพากษา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น