No data was found

“ศาลฎีกา” ยืนโทษจำคุก “ป้าพร-ตี้-จิ๊บ” ปาถุงสี ละเมิดอำนาจศาล

กดติดตาม TOP NEWS

"ศาลฎีกา" ยืนโทษจำคุก "ป้าพร-ตี้-จิ๊บ" ปาถุงสี ละเมิดอำนาจศาล

Top news รายงาน คำพิพากษาของศาลฎีกา ระบุผู้ถูกกล่าวหาได้ฎีกาว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะท้าทายกระบวนการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรม การแสดงออกเป็นเพียงเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองเท่านั้น แต่ศาลฎีกาเห็นว่าแม้พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาจะไม่ได้เป็นการรบกวนการพิจารณาคดีโดยตรง แต่ถือว่าเป็นการพยายามชี้นำให้ประชาชนเข้าใจได้ว่าศาลพิจารณาคดีโดยไม่เป็นธรรมและเอนเอียง เห็นว่ามีความผิดในฐานละเมิดอำนาจศาล พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 250 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี

สำหรับคดีนี้สืบเนื่องมาจากกลุ่ม “ทะลุฟ้า” ได้ประกาศเชิญชวนทํากิจกรรม “เดิน หยุด ขัง” ในวันที่ 24 ธ.ค. 2564 โดยเดินจากยูเนี่ยนมอลล์ไปยังศาลอาญา ในเวลา 09.00 น. เพื่อไปร่วมให้กําลังใจการไต่สวนคําร้องขอปล่อยชั่วคราว พริษฐ์ ชิวารักษ์, จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, อานนท์ นําภา และภาณุพงศ์ จาดนอก ที่ถูกคุมขังอยู่ในขณะนั้น และในช่วงท้ายของการชุมนุม ได้มีผู้ชุมนุมปาถุงพลาสติกบรรจุของเหลวสีแดงเข้าไปในบริเวณรั้วของศาลอาญา

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ต่อมา ชวัลนาถ ทองสม ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ได้กล่าวหาผู้ชุมนุม 3 คน เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล โดยศาลอาญาไต่สวนเอง ผู้กล่าวหาเห็นว่าทั้ง 3 คน ได้ร่วมกันนําของเหลวสีแดงที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก ขว้างปาและสาดใส่ป้ายผ้าที่ผูกติดอยู่กับประตูรั้ว บริเวณประตูทางเข้า และขว้างปาเข้าไปในบริเวณศาลอาญา ทําให้ประตูรั้วของศาลได้รับความเสียหาย สกปรกเปรอะเปื้อน น้ำสีแดงไหล เจิ่งนองบนพื้น และมีถุงพลาสติกที่ใช้สําหรับบรรจุน้ำสีแดง และเศษขยะอื่น ๆ ตกหล่นอยู่บนพื้น

เวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 912 ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา โดยมีเนื้อหาสรุป ดังนี้

คดีนี้ กล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหาร่วมกันนำของเหลวขว้างปา และสาดของเหลวสีแดงใส่ป้ายผ้า ทำให้รั้วศาลอาญา พื้นที่บริเวณด้านหน้าศาล และพื้นที่บริเวณหลังรั้วศาลสกปรกเปรอะเปื้อน

ในวันนัดไต่สวน ศาลชั้นต้นอ่านคำกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คนฟัง ผู้ถูกกล่าวหารับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวขว้างปาสีเข้ามาภายในบริเวณศาลจริง

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกผู้ถูกกล่าวหาคนละ 2 เดือน ปรับคนละ 500 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 เดือน ปรับคนละ 250 บาท

คดีมีเหตุบรรเทาโทษ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นผู้สูงอายุ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และ 3 ยังเป็นนักศึกษา จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 1 ปี ให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามคนไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติจำนวน 3 ครั้ง ภายในกําหนด 1 ปี และให้ทํางานบริการสังคมหรือสาธารณะประโยชน์เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี โดยศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษายืนนั้น

ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คน ชี้นำมวลชนให้เข้าใจว่าศาลพิจารณาคดีไม่เป็นธรรม ฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คนฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ราชกิจจาฯ" แพร่พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา 2567 มีผลบังคับใช้ทันที
ระทึก! หม้อแปลงไฟระเบิด ไหม้ร้านเฟอร์นิเจอร์ 10 กว่าชีวิตต้องปีนบันไดหนีเอาตัวรอด
"นายกฯ" ทัวร์นกขมิ้นวันที่ 2 ลงกาญจนบุรี ติดตามปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซาก กำชับเร่งแก้ไขก่อนเข้าฤดูฝน
กลุ่มวัยรุ่นมองหน้าหาเรื่องยกพวก ตะลุมบอนกลางงานเลี้ยงส่งก่อนคว้ามีดแทงคู่อริบาดเจ็บมีดปักคาแขน
"3นิ้ว" เดินทาง "รับทราบข้อหา 112" ไกลถึงพัทลุง เหตุโพสต์ตั้งคำถามการประหาร "ชิต บุศย์ เฉลียว"
พายุแม่เหล็กถล่ม คุกคามดาวเทียมและไฟฟ้าล่ม
ค่าใช้จ่ายเปิดเทอม 2567 แพงดันยอดใช้จ่ายผู้ปกครอง พุ่งสูงสุดรอบ 15 ปี
เปิดใจ "เสี่ยเล็ก ภูเก็ต" เคยถูกนายทุนต่างชาติ-ตร.ไทย ใช้ กม.กรมป่าไม้ รังแกหวังฮุบที่ดิน
UN ลงมติเชิงสัญลักษณ์ หนุนปาเลสไตน์
โรงรับจำนำ กทม. เปิดประมูลทรัพย์หลุดจำนำราคาถูก “ทองคำ-เพชร-พลอย-พระเลี่ยม”

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น