สองพรรคการเมืองหลักในเกาหลีใต้ตั้งเวทีหาเสียงประกันชัน ในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ เมื่อวานนี้ (28 มีนาคม) ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดฉากหาเสียงอย่างเป็นทางการ ที่จะใช้เวลาเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น ก่อนถึงวันหย่อนบัตร 10 เมษายน ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า การเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ มีความสำคัญมากสำหรับพรรคพลังประชาชน หรือ PPP ของประธานาธิบดียูน ซ็อก ยอล เพราะหากพรรคฝ่ายค้านรักษาที่นั่งส่วนใหญ่ในสภาไว้ได้อีก เวลาที่เหลืออีก 3 ปีก่อนหมดวาระ ประธานาธิบดียูน อาจจะตกอยู่ในสภาพผู้นำเป็ดง่อย
โพลล์บางสำนักคาดการณ์ว่า พรรคฝ่ายค้านอาจได้ที่นั่งรวมกันเกิน 200 เสียงจากทั้งหมด 300 เสียง ซึ่งหากเป็นไปตามนั้น ก็จะเป็นเสียงที่มากพอสำหรับการถอดถอน หรือ อิมพีช ประธานาธิบดี หรือคว่ำอำนาจวีโต้ของประธานาธิบดีได้
การเลือกตั้งทั่วไป 10 เมษายน จะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างพรรค PPP ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลกับ พรรคประชาธิปไตย หรือ DP ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ภายใต้การนำของ นาย อี แช มย็อง ที่เคยพ่ายเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2565 แบบเฉือนกันแค่ 0.73% แต่นายอี มีแผลไม่น้อย เพราะกำลังถูกสอบสวนหลายคดี รวมถึงคดีรับสินบนเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ต้องสงสัยโอนเงินผิดกฎหมายให้เกาหลีเหนือ 8 ล้านดอลลาร์ แต่เขาปฏิเสธทุกข้อหา ขณะที่พรรคนวัตกรรมเกาหลี ที่เพิ่งตั้งใหม่ของ นายโช กุก อดีตรัฐมนตรียุติธรรม ก็มีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นในระยะหลัง แม้ว่าเขาอยู่ระหว่างอุทธรณ์โทษจำคุก 2 ปี ฐานปลอมเอกสารช่วยลูกสาวเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ
ฮัน ดอง ฮูน ผู้นำพรรค PPP ตราหน้าผู้นำสองพรรคนี้ว่า เป็นอาชญากร พร้อมประกาศจะนำทั้งคู่มาลงโทษ และพยายามชี้ว่า เหตุที่รัฐบาลผลักดันนโยบายปฏิรูปต่าง ๆ ไม่สำเร็จ ก็เพราะฝ่ายค้านคุมเสียงในสภา ส่วน อี แช มย็อง ผู้นำพรรค DP ก็เรียกร้องให้ประชาชน ใช้การเลือกตั้ง 10 เมษายน เป็นการลงประชามติผลงานย่ำแย่ของประธานาธิบดียูนในช่วง 2 ปี โดยจี้ไปที่ค่าครองชีพพุ่งสูง และ สันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีตกอยู่ในอันตราย เพราะความเขลาของผู้นำที่เอาแต่ตะโกนหาสงคราม
นักสังเกตการณ์ กล่าวว่า 48 เขตเลือกตั้งในเมืองหลวง คือสมรภูมิสำคัญ จากสถิติพบว่า ผลเลือกตั้งในโซลจะเป็นภาพสะท้อนผลเลือกตั้งทั่งประเทศ ในการเลือกตั้งครั้งก่อนปี 2563 พรรค DP ที่เป็นรัฐบาลในตอนนั้น ชนะ 41 เขตจาก 49 เขต ขณะพรรค PPP ได้มาแค่ 8 ที่นั่ง สุดท้ายเป็นพรรค DP ที่ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย กวาด 180 ที่นั่งจากทั้งหมด 300 ที่นั่ง