No data was found

บิ๊กตู่เอาไง ผ่านหรือคว่ำ ? แก้ไขรัฐธรรมนูญ ระบบเลือกตั้ง วาระ 3 ศุกร์นี้

กดติดตาม TOP NEWS

หัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญทางการเมือง หลังสว.ออกโรงอัดแหลกแก้ไขรัฐธรรมนูญเอาใจนักการเมืองชาวบ้านตาดำๆไม่ได้ประโยชน์อะไร  เย้ยกลับไปเลือกตั้งเหมือนปี 40  ถือว่าถอยหลังเข้าคลองเพื่อพวกพ้องตัวเอง  หมอระวีตำหนิแก้รัฐธรรมนูญไม่เห็นหัวประชาชน เพราะคนไทย 16.8 ล้านคนเห็นชอบให้มาใช้   พรรคเล็กหวั่นสูญพันธุ์เชื่อเผด็จการรัฐสภาโทนี่กลับมาแน่   

เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสำคัญในการลงมติชี้เป็นชี้ตายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560  เพิ่มเติม ม. 83  และ ม.91  ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง  โดย ม.83 เดิม ให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิก 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.แบ่งเขต 350 คน  ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน และให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 1 ใบ  แต่ที่แก้ใหม่ ให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิก 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.แบบเขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน และ ให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ส่วน ม. 91  เดิม การคำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค ให้คิดสูตรคำนวณส.ส.แบบพึงมี   แต่อของที่แก้ใหม่ การคำนวณสัดส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค ให้นำคะแนนที่แต่ละพรรคได้รับการเลือกตั้งมารวมกันทั้งประเทศ แล้วคำนวณเพื่อแบ่งจำนวนผู้ที่จะได้รับเลือกของแต่ละพรรค  จนถึงวันนี้ยังไม่รู้ว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะบวกลบคูณหารคิดเรื่องนี้อย่างไร จะผ่านหรือจะคว่ำการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องระบบเลือกตั้งที่จะกลับไปใช้แบบเก่า สมัยรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 โดยกลุ่มที่สนับสนุนและผลักดันแนวคิดบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ตั้งแต่วาระ 1 และ 2  ล้วนเป็นพรรคขนาดกลางและขนาดใหญ่  ประกอบด้วยพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ที่ทั้งหมดมั่นใจว่าการกลับไปใช้การเลือกตั้งแบบเก่าจะทำให้ได้เก้าอี้ส.ส.เป็นกอบเป็นกำมากขึ้นกว่าการเลือกตั้งคราวก่อนเมื่อ 24 มี.ค.2562 ที่รอบนั้นบรรดาพรรคใหญ่มองว่าระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียวไม่เอื้อให้พรรคกวาดเก้าอี้ส.ส.โดยเฉพาะผู้แทนแบบแบ่งเขต

หนำซ้ำการคิดคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อแบบพึงมียังทำให้พรรคตัวเองได้ผู้แทนน้อย เพราะคะแนนส่วนใหญ่ถูกนำไปเกลี่ยแบ่งเก้าอี้ให้กับพรรคเล็กๆ ตามหลักการแบ่งสันปันส่วนผสม  นอกจากนี้ 3 เกลอพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง “พลังประชารัฐ -ประชาธิปัตย์ -ชาติไทยพัฒนา” ยังคิดเข้าข้างตัวเองแบบสุดโต่ง  ด้านนึงมองว่าพรรคเพื่อไทยรอบนี้จะได้ผู้แทนไม่มากเหมือนเก่าไม่ถึง 136  เสียง  ด้วยเหตุที่พรรคไทยรักษาชาติ(ทสช.)ที่ของ “หมวดป๋อม” ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช  ที่ “โทนี่” นายทักษิณ ชินวัตร  หวังว่าจะใช้เป็นพรรคเด็กปั้นเด็กสร้างก็ถูกอัปเปหิถูกยุบพรรคเพราะดันไปเล่นของสูงดึงฟ้าลงต่ำ  ขณะที่ยุทธศาสตร์แตกแบงค์พันเป็นแบงค์สิบแบงค์ร้อย  แยกตัวออกไปตั้งพรรคใหม่ของ   “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จากพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) หรือ พรรคเส้นทางใหม่ของ “เสี่ยอ๋อย”นายจาตุรนต์ ฉายแสง ก็คงจะไม่เปรี้ยงปร้างแต่อย่างใด เพราะเป็นแค่เหล้าเก่าในขวดใหม่  นอกจากนี้ยังมีก็อกสองมีตัวช่วยเรื่องงูเห่า เรื่องส.ส.ย้ายพรรค ที่ถึงตอนนั้นเชื่อว่าส.ส.พรรคเพื่อไทยจะย้ายพรรคจะโดนดูดไปอีกมาก และไม่มีทางที่พรรคเพื่อไทยแต่ทำงานเพื่อโทนี่จะกลับมาผงาดจะกวาดที่นั่งแบบแลนด์สไลด์  ตรงนี้จึงทำให้พรรค 3 เกลอร่วมรัฐบาลคิดว่ามีหวังหากมีการเปลี่ยนการเลือกตั้งไปเป็นระบบ 2 ใบ

ฝากซีกที่ไม่เห็นด้วยกับการไปใช้บัตร 2 ใบ  เนื่องจากเห็นว่าใช้บัตรใบเดียวก็ดีอยู่แล้ว กลุ่มนี้ก็มีพรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกล พรรคเล็กพรรคน้อยอีกนับสิบ ฯลฯ ที่หลักใหญ่ใจความเห็นว่าการเลือกตั้งบัตรใบเดียวมันช่วยส่งเสริมประชาธิปไตยมากกว่า  นอกจากจะป้องกันการผูกขาดการเลือกตั้งไม่ให้ตกไปอยู่ในมือพรรคใหญ่มีผู้เล่นไม่กี่คน  ยังเป็นการตัดวงจรอุบาทว์ในการทุ่มเงินซื้อเสียงในเขตเล็กๆ  นอกจากนี้การคิดคำนวณส.ส.แบบบัญชีรายชื่อยังกระจายให้เกิดความยุติธรรมและเท่าเทียม  เปิดโอกาสให้พรรคเล็กๆได้ลืมตาอ้าปากมีที่ยืนในสภา  เพราะคะแนนเสียงทุกคะแนนมีค่า เสียงที่แพ้เสียงที่ตกน้ำก็เอามาคิดเป็นคะแนนหมด ด้วยเหตุนี้จึงยืนกรานว่ายังไงการเลือกตั้งด้วยระบบบัตรใบเดียว คิดคะแนนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ด้วยแนวทาง ส.ส.แบบพึงมี  น่าจะทำให้เกิดเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมกับทุกคนมากกว่า ไม่ว่าพรรคเล็กหรือพรรคใหญ่

ด้านเสียงของส.ส.พรรคเล็ก  “หมอระวี” นายแพทย์ ระวี มาศฉมาดล ส.ส. พรรคพลังธรรมใหม่ อัดแหลกการเสนอแก้รัฐธรรมนูญเที่ยวนี้มาจากพรรคใหญ่ ๆ  ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญปี 60 ผ่านการทำประชามติมาจากประชาชนมีผู้รับรอง 16.8 ล้านคน ประมาณ 61% ดังนั้นถ้านักการเมืองคิดจะแก้ไขต้องไปถามประชาชน 16.8 ล้านเสียงก่อนว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่  ขอถามตรงๆว่าที่พรรคใหญ่ๆเสนอแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ เสนอแก้เพื่อใคร เพื่อประชาชน เพื่อประเทศชาติ หรือเพื่อพรรคของท่านเอง  ประชาชนต้องการรัฐธรรมนูญที่จะยุติการซื้อเสียงอย่างเด็ดขาด เพื่อให้พรรคที่จน ๆ ไม่มีเงินซื้อเสียงเข้าสภาฯได้ ทุกวันนี้เรามีแต่พรรคของนายทุนพรรค ที่ต้องเข้ามาทำมาหากินถอนทุนคืน แถมเก็บกำไรมหาศาล สำหรับไปซื้อเสียงครั้งต่อไป  เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 60 คือการยกเลิกการเลือกตั้งแบบ 2 ใบ และเปลี่ยนมาเป็นหนึ่งใบแบบจัดสรรปันส่วนผสม เพื่อไม่ให้ทุกคะแนนเสียงไม่ตกน้ำ ดังนั้นการเสนอแก้เป็น 2 ใบจึงเป็นการถอยหลังเข้าคลอง

ส่วนนายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.พรรคพลังท้องถิ่นไท  ค้านหัวชนฝาระบุการแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้เป็นการสมคบคิดเพื่อผลประโยชน์ของพรรคใหญ่  เพราะจะใช้บัตรเลือกตั้งกี่ใบก็ได้ แต่การเพิ่มจำนวน ส.ส.เขตและลดจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะทำให้พรรคที่มีทุนหนาได้ประโยชน์ ขณะที่พรรคเล็กไม่มีโอกาส หากเกิดการเลือกตั้งใหม่จะเกิดระบบเผด็จการรัฐสภา พรรคเล็กจะสูญพันธุ์ ควรใช้ระบบคู่ขนานหรือการจัดสรรปันส่วนผสมมาใช้คำนวณ ส.ส.
“ ถ้าใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบในระบบนี้ ผลการเลือกตั้งจะมีพรรคการเมือง 1 หรือ 2 พรรคได้เสียงข้างมาก ไม่มีการถ่วงดุลจากพรรคขนาดกลางและพรรคเล็ก พรรคใหญ่สามารถงุบงิบมีวาระซ่อนเร้นได้ ถามว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้มีบางอย่างส่งสัญญาณ หรือมีวาระซ่อนเร้นไม่โปร่งใส เกรงจะนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองในอนาคต เหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 และปี 50 ที่เป็นต้นเหตุความขัดแย้งทางการเมือง นำไปสู่การรัฐประหาร และมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นได้อีก อยากเตือนสติการพิจารณาการแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 ขอให้คิดให้ดี” นายโกวิทย์ยกเหตุผลมาอธิบาย

ขณะที่ฝ่ายสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่สุดท้ายอาจจะเป็นคนคุมเกมส์ชี้เป็นชี้ตายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 รอบนี้  ยังไม่ชัดว่าเสียงส่วนใหญ่จะไปทางไหนจะเอาอย่างไร  แม้หลายคนออกมาแสดงความเห็นตรงส่งสัญาณชัดว่าต้องการคว่ำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 เที่ยวนี้  เพราะไม่เกิดประโยชน์ใดๆกับประชาชนเลย  หนำซ้ำอาจกลายเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าทางโจรกลายเป็นพาโทนี่กลับบ้าน  เข้าทำนองหนีเสือปะจระเข้  ไม่อยากเอาพวกล้มเจ้าแต่จะได้ก๊วนโคตรโกงกลับมายึดประเทศอีกรอบแทน  กลุ่มส.ว.ที่ออกมาพูดเรื่องนี้ชัดส่วนใหญ่ล้วนเป็นกลุ่มที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ไม่เอาระบอบทักษิณ อาทิ  “ทนายวันชัย” นายวันชัย สอนศิริ  ที่ระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมือง และนักการเมืองล้วนๆ ไม่ได้เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้น เราเห็นว่า หากระบบแบบนี้มีข้อบกพร่อง และย้อนรอยกลับไปตั้งแต่ปี 40  ไม่ได้แก้ไขเพื่อเดินหน้า แต่เป็นการแก้ถอยหลัง   หรือ “บิ๊กเยิ้ม” พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร เพื่อนซี้เตรียมทหารรุ่น 12 (ตท.12)  ของพล.อ.ประยุทธ์  ก็ออกมาประกาศจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมองว่าที่ใช้อยู่ปัจจุบันดีอยู่แล้ว จะไปแก้ไขทำไมให้ยุ่งไปอีก ฯลฯ

สุดท้ายเรื่องนี้ต้องรอลุ้นกันในวันศุกร์ที่ 10 ก.ย.นี้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร  ทั้งนี้ในรัฐธรรมนูญ ม.256 (6)  ระบุว่า สำหรับวาระ 3  จะใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่  (ส.ส.482 คน สว.250 คน รวม 732 คน)  คือต้องมากกว่า 367 ของทั้งสองสภา  โดยในจํานวนนี้ต้องมีส.ส.ฝ่ายค้านเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุกพรรคการเมือง ประมาณ 43 คน  ที่สำคัญต้องมีเสียงสว.เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1ใน 3 ของจํานวนสมาชิกทั้งหมด หรือ 84 คน  ทั้งนี้หากรัฐสภาเห็นชอบวาระ 3  แล้วให้รอไว้15 วัน ก่อนนําร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าฯ จนถึงวันนี้ยังไม่รู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ รวมไปถึง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะส่งสัญญาณผ่านหรือคว่ำให้ธงเรื่องนี้กับ สว. 250 คนอย่างไร  แต่หากบัตร 2 ใบ ผ่านวาระ 3  ก็ยังมีช่องให้คนเห็นต่างให้ส.ส.และสว. ที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เข้าชื่อกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 10  เสนอความเห็นต่อประธานรัฐสภาเพื่อส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน  โดยระหว่างนี้นายกฯจะนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าไม่ได้ ฯ  หรือหากพล.อ.ประยุทธ์เห็นว่าการเลือกตั้งบัตร 2 ใบใช้วิธีการเก่า  จะเป็นภัยคุกคามจะเป็นวีซ่าจะเป็นสะพานให้นายทักษิณกลับมายึดประเทศได้ก็อาจงัดไม้ตายชิงยุบสภาก่อนร่างรัฐธรรมนูญจะถูกนำขึ้นทูลเกล้าฯก่อนโปรดเกล้าฯลงมาก็เป็นได้ ต้องรอดูว่าพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตรจะวางเกมส์เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ระบบเลือกตั้ง เที่ยวนี้อย่างไร

//////////////////

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์เพลิงไหม้โรงงานเก็บการสารเคมีอุตสาหกรรมวินโพรเสส สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งควบคุมสถานการณ์ไฟที่ปะทุ และจัดทำแผนการเยียวยา ปชช.
กองทัพเรือ ร่วมมูลนิธิ รพ.สิริกิติ์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ทอดผ้าป่าสามัคคีการกุศล
"บีทีเอส" แจงปมผู้โดยสารติดลิฟต์ สถานีแบริ่ง จนท.เร่งช่วยเหลือปลอดภัย
"ตร.ไซเบอร์" บุกทลาย 2 เหมืองบิทคอยน์ ภาคตะวันตก ลักไฟหลวง 2 เดือน กว่า 5 ล้านบาท
"กกต." เตือน จูงใจ ชี้ชวนให้คนลงสมัครสว.เสี่ยงผิดกฎหมาย
ข่าวดี "นายกฯ" เผยยางพาราแตะ กก. 100 บาทเร็วๆนี้ ลั่นมาจากการทุ่มเททำงาน ไม่ใช่โชคช่วย
สอบสวนกลาง รวบ "หนุ่มดาวทวิต" ลวงเด็กชายถ่ายคลิปสร้างคอนเทนต์ ขายในกลุ่มลับ
จนท.ชุดลาดตระเวนกว่า 20 นาย เร่งติดตาม "แก๊งผ้าเหลือง" ลอบล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว
สอบสวนกลาง บุกค้นโรงงานรีไซเคิลพลาสติกเถื่อน ชลบุรี สร้างความเดือนร้อนให้ชุมชน
เปิดเบื้องลึก "รมว.ปุ๋ง" ถูกโยกนั่งวธ. รับงานใหญ่ ลุย Soft Power

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น