นายกิลาด เออร์ดาน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ ได้กล่าวในการประชุมสมัชชาพิเศษของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติว่า UNRWA (หรือหน่วยงานช่วยเหลือผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์แห่งสหประชาชาติ) ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เป็นส่วนสำคัญของกลไกก่อการร้ายของฮามาส โดยเป็นเวลาหลายปีแล้วที่กลุ่มฮามาส แทรกซึมเข้าไปและวางยาพิษในองค์กร แต่ก่อนที่กลุ่มฮามาสจะแย่งชิงพื้นที่ดังกล่าวในฉนวนกาซา UNRWA ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหามาโดยตลอด และไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาเลย
เออร์ดานระบุต่อว่า โรงเรียนของ UNRWA เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของการยั่วยุ ความเกลียดชัง และความทุกข์ทรมาน มีการศึกษาจำนวนมากที่รายงานเกี่ยวกับการเชิดชูการสนับสนุนญิฮาด และการต่อต้านชาวยิว ภายในโรงเรียนของ UNRWA ซึ่งทุกวันนี้ ด้วยการสนับสนุนทางการเงินระหว่างประเทศ UNRWA กำลังทำให้เด็กชาวปาเลสไตน์ ได้กลายเป็นผู้ก่อการร้ายไปเรียบร้อยแล้ว
ด้านนายริยาด มันซูร์ เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ประจำสหประชาชาติ ก็ได้ตอบโต้อิสราเอลในการประชุมว่า นายกรัฐมนตรีอิสราเอลโอ้อวดถึงการไม่ต้องปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศ หรือมติของสหประชาชาติ โดยสิ่งนี้จะจบลงที่อิสราเอล ไม่ต้องรับโทษอะไร แต่ยุคแห่งการไม่ต้องรับผิดของอิสราเอลจะต้องสิ้นสุดลง และเราควรเข้าสู่ยุคใหม่ได้แล้ว นั่นคือ ยุคแห่งความรับผิดชอบและการลงโทษ อิสราเอลกล้าที่จะผลักดันจนถึงจุดที่รู้สึกไม่ละอายต่ออาชญากรรมของตน ไม่เสียใจต่อเหยื่อ อิสราเอลท้าทายพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดอย่างเปิดเผย และยังเยาะเย้ยสมัชชาใหญ่, คณะมนตรีความมั่นคง, และคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ด้วยการที่อิสราเอลสามารถเหยียบย่ำกฎบัตร และกฎเกณฑ์ของกฎหมายระหว่างประเทศได้ทุกฉบับ
ขณะที่นายโรเบิร์ต เอ. วูด รองเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ ก็ได้กล่าวเตือนในการประชุมครั้งนี้ว่า การเจรจาที่ละเอียดอ่อน เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการยุติวิกฤติฉนวนกาซาในเชิงการทูต ไม่ใช่มติอื่นของคณะมนตรีความมั่นคง ที่เรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันที โดยร่างข้อมติที่มีอยู่นั้น จะไม่มีทางบรรลุเป้าหมายของสันติภาพที่ยั่งยืน หรือส่งผลให้เกิดการหยุดยิงได้เลย สหรัฐจะยังคงทำงานต่อไป และจะพยายามมีส่วนในการทูตโดยตรง รวมถึงการลงไปเจรจาด้วย