ฮันนีย์ ลาคูนา นายกเทศมนตรีกรุงมนิลา แถลงว่า พังมาลี สิ้นลมเมื่อลา 15.45 น. ของวันที่ 28 พฤศจิกายน ด้วยอายุราว 48-49 ปี พร้อมระบุว่า ช้างมาลีคือสมบัติล้ำค่า และเป็นดาวเด่นของสวนสัตว์มาอย่างยาวนาน เธอเศร้าใจอย่างมาก เพราะมาลีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเรา ด้าน สัตวแพทย์ ไฮริช โดมิงโก กล่าวว่า ผลชันสูตรพบว่า มะลีป่วยเป็นมะเร็ง และยืนยันว่า ไม่เคยละเลยสวัสดิภาพของช้าง เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน
ศรีลังกา ส่งพังมาลี เป็นของขวัญให้รัฐบาลฟิลิปปินส์ ในปี 2516 ขณะอายุ 11เดือน หลังพ่อแม่ของมันถูกฆ่าตาย และเข้าไปเป็นสมาชิกของสวนสัตว์มะนิลาตั้งแต่ปี 2522 พังมาลีกลายเป็นช้างเชือกสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ในสวนสัตว์ หลังช้างชื่อว่า ชีวา ที่เคยอยู่ด้วยกันตายลงเมื่อปี 2533
ในปี 2556 พีตา องค์กรสิทธิสัตว์ เปิดแคมเปญและได้เหล่าคนดัง ตลอดบิชอปในฟิลิปปินส์เอง ร่วมลงชื่อในจดหมายวิงวอนรัฐบาล ย้ายพังมาลี มาอยู่ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างในประเทศไทย เพื่ออยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ พร้อมกล่าวหาสวนสัตว์มะนิลา และรัฐบาลฟิลิปปินส์ ไม่ได้ใส่ใจรักษาแผลที่เท้า และปล่อยให้ช้างตัวนี้ทุกข์ทรมานกับการอยู่แบบโดดเดี่ยวและในสถานที่แคบ ๆ หลายสิบปี พร้อมเรียกพังมาลีว่า เป็นช้างที่เศร้าที่สุดในโลก
แต่นายกเทศมนตรีมะนิลาในเวลานั้น ปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า การนำช้างที่โตในสวนสัตว์กลับไปอยู่ในธรรมชาติ มันอาจจะไม่รอด และนับจากนั้นมา สวนสัตว์ได้ขยายที่อยู่ของพังมาลีให้ใหญ่ขึ้น
ชาวฟิลิปปินส์จำนวนมาก ใช้สื่อสังคมออนไลน์ แสดงความไว้อาลัย เพราะหลายคนมีความทรงจำและผูกพันกับช้างตัวนี้ในวัยเด็ก เมื่อพ่อแม่พาไปเที่ยวสวนสัตว์มะนิลา และอีกจำนวนหนึ่งก็วิจารณ์สวนสัตว์และรัฐบาล ที่ไม่ยอมส่งพังมาลี ไปอยู่ในแหล่งอนุรักษ์ที่เหมาะกว่านี้เสียนานแล้ว ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่ง เขียนว่า “ไม่ต้องอยู่ในที่แคบ ๆ อีกแล้ว วิ่งโลดไปเลยนะมะลิ” อีกคน บอกว่า “พวกเขาฆ่าพังมะลิตายมานานแล้ว ก่อนตายทางกายภาพ” ส่วน พีตาระบุว่า พังมาลีตายแบบที่เธอมีชีวิตอยู่เกือบ 50 ปี เดียวดายในคอกคอนกรีตที่สวนสัตว์มะนิลา