ซาอุฯฉลองชัย ได้เป็นเจ้าภาพงานเวิลด์เอ็กซ์โป2030 เอาชนะอิตาลีและเกาหลีใต้ ไปด้วยคะแนนท่วมท้น
ซาอุดิอาระเบียประสบความสำเร็จได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพงานเวิลด์เอ็กซ์โป หรืองานนิทรรศการโลก ในกรุงริยาดในปี 2030 จากการลงคะแนนเมื่อวานนี้ โดยริยาดได้รับคะแนน 119 เสียง ขณะที่เมืองปูซาน เกาหลีใต้ได้ไป 29 คะแนน และกรุงโรม อิตาลี มี 17 คะแนน จากการโหวตจากสมาชิกทั้ง 182 คน ของบอร์ดกรรมการจัดงาน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส
ผลการลงคะแนนครั้งนี้ ถือเป็นชัยชนะทางการทูตอีกครั้งหนึ่งสำหรับประเทศอ่าวเปอร์เซีย หลังการแข่งขันฟุตบอลโลกที่กาตาร์ได้เป็นเจ้าภาพเมื่อปีที่แล้ว โดยงานเวิลด์เอ็กซ์โปซึ่งจัดขึ้นทุก 5 ปี เป็นงานสำคัญที่แต่ละประเทศเฝ้ารอ เนื่องจากงานสามารถดึงดูดผู้เข้าชมหลายล้านคน และมีเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์
อีกทั้ง การจัดงานนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับซาอุฯ ตามวิสัยทัศน์ของ มกุฏราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน หรือที่รู้จักในชื่อ MBS ที่พยายามจะจัดงานสำคัญๆเพื่อให้ซาอุฯมีบทบาทมากขึ้นในเวทีโลก และปี 2030 ยังเป็นปีที่ตรงกับโครงการวิชั่น 2030 ของ MBS ที่สร้างขึ้นเพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่ และมีเป้าหมายที่จะเลิกพึ่งพาน้ำมัน
อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยต่อชัยชนะของซาอุฯในครั้งนี้ โดยนายจามปิเอโร มัสโซโล หัวหน้าฝ่ายประมูลงานเอ็กซ์โปอิตาลี กล่าวแสดงความเห็นว่า การที่ซาอุฯได้คะแนนมากอย่างไม่คาดคิดนั้น เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการเงิน ไม่ใช่ด้วยความเหมาะสม ซึ่งซาอุได้ทั้งเป็นเจ้าภาพบอลโลก 2034 และอีกไม่ช้าก็คงจะได้เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกด้วย ด้านเกาหลีใต้ก็แสดงความผิดหวังเช่นกัน
ส่วนนักวิจารณ์กล่าวว่า เจ้าชาย MBS ต้องการใช้เหตุการณ์นี้เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ของประเทศ หลังเหตุการณ์สังหารนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวชื่อดังชาวซาอุฯ เมื่อปี 2018 ซึ่งผู้นำตะวันตกเชื่อว่าได้รับคำสั่งจากเขา ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่ม ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ยกเลิกการจัดงานในริยาด เนื่องจากซาอุฯมีปัญหาด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนและจำกัดเสรีภาพ
สำหรับการจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โปของซาอุนั้น เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮาน รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุฯได้ให้คำมั่นว่า จะมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับทุกชาติเพื่อจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ส่วนงานเวิลด์เอ็กซ์โปครั้งต่อไปมีกำหนดจัดขึ้นในปี 2025 ในเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ในหัวข้อ “การออกแบบสังคมแห่งอนาคตเพื่อชีวิตของเรา”