ศบค.กางสถิติผู้เสียชีวิต‘โควิด 19 ทั้ง 3 ระลอก “หมอทวีศิลป์” ยืนยันส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีโรคประจำตัว แนะผู้ป่วยอาการไม่มากให้ไปอยู่ที่โรงพยาบาลสนามอย่าอยู่ที่บ้านเพราะมีมาตรฐานสูงกว่าและยังมีบุคลากร
วันที่ 22 เม.ย.64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ตอบคำถามระหว่างแถลงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (อีโอซี) วันเดียวกันนี้ มีการ รายงานสถิติผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ระลอก พบว่า
ระลอกแรก ในปี 63 มีผู้เสียชีวิต 67 ราย จากผู้ป่วยสะสม 6,772 รายคิดเป็นร้อยละ 0.82
ระลอกที่ 2 เดือนม.ค.-มี.ค.64 มีผู้เสียชีวิต 27 ราย จากผู้ป่วย 21,035 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.13
ระลอกที่ 3 เดือนเม.ย.มีผู้เสียชีวิต 16 ราย จากผู้ป่วย 17,780 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.10
โดยผู้เสียชีวิตในระลอกแรกมากที่สุดคือช่วงวัย 40-59 ปี ระลอก 2 และระลอก 3 คือผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ทั้ง 3 ระลอกส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว สำหรับผู้เสียชีวิต รายที่111 เป็นหญิงอายุ 24 ปี มีโรคประจำตัวคือโรคอ้วน เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล วันที่ 16 เมษายน 64 และเสียชีวิตในวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียชีวิตรายนี้ มีอาการปอดอักเสบอย่างรุนแรงก่อนเสียชีวิต ขณะที่ผู้เสียชีวิตรายที่112 เริ่มมีอาการป่วยในวันที่ 5 เมษายน และเข้ารับการรักษาในวันที่ 19 เมษายน ก่อนที่จะเสียชีวิตในวันที่ 20 เมษายน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กรณีที่ขณะนี้มีการแพร่กระจายเชื้อไปในหลายพื้นที่ทำให้ประชาชนกังวลว่าจุดที่เดินทางไปนั้นมีความเสี่ยงหรือไม่ กรมอนามัยได้จัดทำแบบประเมินตนเองของสถานประกอบการบนแพลตฟอร์ม ” Thai Stop COVID Plus” เพื่อให้ผู้ประกอบการทำแบบประเมินตนเอง เมื่อภาครัฐภาคเอกชนร่วมมือกัน และถ้าได้ความร่วมมือจากประชาชนจะทำให้การป้องกันโควิดมีประสิทธิภาพ
เมื่อถามว่า กรณีนำผู้ติดเชื้อวิดไปอยู่รวมกันในโรงพยาบาลสนามจะทำให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นและกลายพันธุ์ของโรคหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า การไปอยู่โรงพยาบาลสนามไม่ใช่อยู่อย่างสบายๆ ต้องเว้นระยะห่างกันทุกคนและใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งการอยู่ร่วมกันนี้จะได้รับการดูแลจากบุคคลากรทางการแพทย์ถือว่าเป็นมาตรฐานที่สูงกว่าอยู่ในบ้านของตัวเองหรือในชุมชน ซึ่งโรงพยาบาลสนามในเชียงใหม่ ในกรุงเทพฯ ก็ดูเรียบร้อยดี