“จตุพร” เหน็บแรงรัฐบาล หยุดพูดแล้วออกพรก.นิรโทษคดีชุมนุมการเมืองให้จบ ไม่เว้น 112 สลายขัดแย้งทุกฝ่าย

“จตุพร” เหน็บแรงรัฐบาล หยุดพูดแล้วออกพรก.นิรโทษคดีชุมนุมการเมืองให้จบ ไม่เว้น 112 สลายขัดแย้งทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 23 กันยายน2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อนว่า การนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองต้องลงมือทำกันได้แล้ว ไม่ใช่ต้องมาตั้งกลุ่มคุยหาแนวทางกันอีก ไม่เกิดประโยชน์ แต่รัฐบาลควรเร่งออกเป็น พระราชกำหนดประกาศใช้ออกมา เพื่อสลายความขัดแย้งและปลดปล่อยผู้ต่อสู้ต้องติดคุก ส่วนหัวหน้าขบวนการกลับจูบปากคืนดีกัน ดังนั้นเมื่อความสัมพันธ์เปลี่ยน ประชาชนก็ไม่ควรเป็นหมาหัวเน่าและสิ่งน่ากังวลคือคนหนุ่มสาวที่มีคดีถึง 30-50 คดี แล้วนับโทษต่อเนื่อง ถ้าจะปล่อย ก็ควรปล่อยให้หมดในคดีที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองจะได้ยุติ และการปล่อยตัวไม่ควรเว้นโทษคดี ม.112 ซึ่งถ้าเว้นไว้จะเป็นภาระให้กับพระเจ้าแผ่นดิน ส่วนคดีของฝ่ายเหลืองและแดงนั้น คงไม่น่ากังวล เพราะผู้ต้องคดีล้วนแก่ชรากัน และคนที่เป็นสาเหตุความขัดแย้งได้ไปจูบปากคืนดีกันหมดแล้ว ที่เหลือถูกทิ้งให้ติดคุกกันเพื่ออะไร ดังนั้นส่วนที่เหลือทั้งเหลืองและแดงก็เป็นหมาหัวเน่ากันทั้งนั้น

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายจตุพร ยังเสนอแนวทางการนิรโทษกรรมว่า ให้ศึกษาจากการทำงานของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ โดยมีราชสำนักอยู่เบื้องหลังอำนวยการสร้างออกคำสั่งนายกฯ 66/2523 เป็นสัญญาสลายความขัดแย้ง แล้วตามด้วยกฎหมายนิรโทษกรรมให้คนป่าคืนเมือง จึงสามารถยุติสงครามระหว่างรัฐบาลกับพรรคคอมมิวนิตส์แห่งประเทศ ฉะนั้นการพูดถึงนิรโทษกรรมมีทั้งมิติเป็นการพูดให้มีเรื่องหรือไม่มีเรื่องก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าต้องการจะให้จบแล้ว คนที่ไปทำหน้าที่เจรจาลับจนมีรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมา จึงควรออกแรงตราเป็นพระราชกำหนดเลย มันจะได้จบกัน เพราะยุคสมัยเปลี่ยน ความสัมพันธ์ก็เปลี่ยนไป เมื่อทักษิณ ชินวัตร ได้กลับประเทศ รัฐบาลยังเอา สว.มาโหวตให้ แล้วจะอย่างไงกันต่อละทีนี้ วันนี้เรื่องนิรโทษกรรมควรเป็นเรื่องที่ต้องทำ ไม่ใช่แค่มาพูดกัน แต่หากเรื่องนิรโทษกรรมเสนอเป็นพระราชบัญญัติไม่มีทางจะได้ทำ และยิ่งสร้างปัญหาขึ้นมาอีก

 

ส่วนการพยายามอธิบายถึงการจับมือของเสื้อเหลืองกับแดงเพื่อทำลายส้มนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นการอธิบายที่น่าสมเพชที่สุด และไม่ได้แก้ไขปัญหาอะไรได้ เป็นเพียงรัฐบาลสร้างประโยชน์ร่วมในการรักษาอำนาจกันต่อไปในทางการเมือง ดังนั้นการแก้ไขปัญหาที่ควรจะเป็นแล้วต้องไม่ผลักประชาชนออกจากกัน อีกอย่างการเสนอเช่นนี้เป็นการเปลี่ยนคู่ขัดแย้งใหม่ให้เกิดขึ้นมาอีก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"โฆษก ศรชล." กาง 4 มาตรการ เอาผิด "เรือไทยแปลงสัญชาติ" สกัดลอบขนน้ำมันส่งกัมพูชา
เปล่งประกายรับฤดูกาลแห่งความสุข ที่ เชียงใหม่ แมริออท โฮเทล
เที่ยวบึงกาฬ สัมผัสมหัศจรรย์แห่งศรัทธา “แก่งนาคราช” ชมรอยพญานาค พร้อมวิวสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 5 แบบ 360 องศา
"พระราชินี" ทรงพระปรีชาสามารถ นำทีมนักกีฬาเรือใบไทย คว้าเหรียญทอง ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ไม่เป็นทางการแล้ว หลังทำคะแนนรั้งอันดับ 1 ก่อนแข่งขันพรุ่งนี้ เรซสุดท้าย
ในหลวงพระราชทานแจกันดอกไม้–ตะกร้าสิ่งของ ให้กำลังพลบาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา ณ รพ.ค่ายสุรนารี
กองทัพภาคที่ 2 อัปเดตสถานการณ์ชายแดน "ทหารไทย" ยึดที่หมายสำคัญ ช่องอานม้า-พื้นที่คนา ได้ 100 % ส่วน "ตาควาย - เนิน 350-ผามออีแดง–ห้วยตามาเรีย" ยังปะทะเขมรเป็นระยะ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​