“ถาวร” เห็นพ้อง “อ.จรัญ” ศาลรธน.ไม่มีอำนาจ รับคำร้องวินิจฉัยมติรัฐสภาโหวตนายกฯ จวก “ก้าวไกล” ดิ้นมัดเพื่อไทย ต้องรัฐบาล 8 พรรค

นายถาวร กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากสว. ทำให้มีการโจมตีส.ว.ว่า ทุกคนที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง รู้กติกาการเลือกตั้งดีอยู่แล้วคือรัฐธรรมนูญปี 2560 คือมีส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเมื่อเลือกนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมร่วมรัฐสภา เปิดโอกาสให้อำนาจสว.ร่วมออกเสียงด้วยในการเลือกนายกรัฐมนตรี สุดท้ายเมื่อไม่ได้ดังใจก็ไปกล่าวหา สว.ไม่เป็นประชาธิปไตย สืบทอดอำนาจเผด็จการ ต้องถามตัวเองเหมือนกันว่าเมื่อคุณมีอำนาจอยู่ในที่ประชุมสภามา 4 ปี ทำไมไม่แก้ม. 272 ตั้งแต่ตอนนั้น และเมื่อรู้กติกาอยู่แล้วจะมาเกเรไม่ได้ เมื่อยังให้อำนาจสว.ลงคะแนนด้วยก็ต้องปล่อยไป ขณะนี้เมื่อเป็นญัตติไปแล้ว และศาลรัฐธรรมนูญไม่น่าจะมีอำนาจรับคดีไว้พิจารณา การดึงให้ล่าช้ามีแต่จะเสียหายกับเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองไทย เพราะฉะนั้นตนเชียร์ให้พรรคอันดับสองคือเพื่อไทยดำเนินการรวบรวมคะแนนเสียงทั้งจากสส.และสว.จัดตั้งรัฐบาลให้เสร็จโดยเร็ว

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลพยายามที่จะจับมือ 8 พรรคร่วมรัฐบาลกันไว้ นายถาวร กล่าวว่า จระเข้ขวางคลอง เมื่อเขาตั้งข้อรังเกียจ แล้วยังจะยื้อไว้ ไม่ใช่หนทางที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชน ไว้การเลือกตั้งครั้งหน้าได้มา 380 เสียง จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวไปเลย เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกล อ้างว่าเป็นพรรคอันดับหนึ่งมีสิทธิอันชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล นายถาวร กล่าวว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พรรคที่ได้รับเลือกมาอันดับหนึ่งจะต้องได้เป็นนายกฯ เท่านั้น ไม่ได้เป็นก็มีเยอะมาแล้ว ดังนั้นความคิดที่ว่าเก่งคนเดียว เป็นพรรคที่อยู่ในดวงใจพี่น้องประชาชนเพียงพรรคเดียว ตนว่ากลับไปคิดให้เกิดความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ใคร ๆ ก็อ้างได้ 151 เสียง ในกรณีอย่างนี้เข้าข้างตัวเองไป ประชาชนคนไทย 66 ล้านคนเศษ ไม่ใช่แค่ 10 กว่าล้าน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องกลับไปว่าหนทาง ความเป็นประชาธิปไตย ความยุติธรรม มันมากกว่าเหตุผลที่คุณอ้าง หลักนิติรัฐ หลักนิติธรรมก็เป็นหนึ่ง หลักเสียงข้างมากก็ใช่เมื่อคุณอ้างหลักเสียงข้างมากจริง ทำไมไม่ได้เสียงเกิน 376 เสียง ถ้าเก่งจริงทำไม สว.ไม่ยกมือไว้วางใจให้ อย่าไปดูถูกสว. วุฒิภาวะของสว.ก็มี ถ้าคุณดูถูกคนอื่นได้ คนอื่นก็ดูแคลนคุณได้