วันที่ 11 ส.ค. 2564 ที่หน้าอาคารพัสดุ หน้าที่ว่าการอำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีผู้เช่าที่ทำสัญญาเช่าอาคารราชพัสดุในจุดดังกล่าว จำนวน 14 ครอบครัว ออกมารวมตัวกันบริเวณหน้าอาคารเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเรียกร้องขอความเป็นธรรมหลังจากส่งหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมถึงนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ในกรณีการต่อสัญญาเช่าอาคารราชพัสดุดังกล่าวที่ถูกเรียกค่าธรรมเนียมการต่อสัญญาเช่า 5 ปี เป็นเงิน 50,690 บาท ทั้ง ๆ ที่ไม่มีการระบุไว้ในเอกสารสัญญาก่อสร้างและสัญญาเช่าเดิมมาก่อน โดยมีนางสาวชรินทิพย์ ฐานะกาญจน์ อายุ 47 ปี บุตรสาวของนายภิญโญ ฐานะกาญจน์ อายุ 74 ปี หนึ่งในผู้เช่าอาคารราชพัสดุเป็นแกนนำ
นางสาวชรินทิพย์ ฐานะกาญจน์ กล่าวเปิดเผยว่า พื้นที่ในจุดนี้เดิมเมื่อปี 2546 ได้รับความเสียหายจากการเกิดเพลิงไหม้รุนแรง ทางผู้เช่าทั้งหมดจึงได้กู้เงินธนาคารเพื่อสร้างอาคารใหม่และทำสัญญาก่อสร้างอาคารและยกกรรมสิทธิ์อาคารให้กระทรวงการคลังโดยในขณะนั้นมีนายสนั่น นพนภาพร นายช่างสำรวจ 7 รักษาการ รักษาการธนารักษ์จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงนามในสัญญาในฐานะผู้ให้เช่า และนายภิญโญ ฐานะกาญจน์ อายุในขณะนั้น 57 ปี บิดาได้ลงนามในสัญญาในฐานะผู้เช่าตามเอกสัญญาก่อสร้างอาคารกรรมสิทธิ์ให้กระทรวงการคลัง ที่ 7/1547 ลงวันที่ 1 ธ.ค. 2547 และเอกสารสัญญาเชาอาคารหลังก่อสร้างเสร็จลงวันที่ 7 กันยายน 2549 ซึ่งผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมดรวมทั้งค่าสถาปนิกออกแบบก่อสร้าง การติดตั้งระบบไฟฟ้า มาตรน้ำประปา และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ทั้งหมด โดยผู้เช่าจะต้องจ่ายค่าเช่านับตั้งแต่วันก่อสร้าง 5 ปีแรกค่าเช่าเดือนละ 288 บาท หรือปีละ 3,456 บาท (ถึง 30 พ.ย.52) ช่วงปีที่ 6-ปีที่ 10 ให้เพิ่มค่าเช่าขึ้น 15 % เป็นจ่ายค่าเช่าเดือนละ 332 บาท หรือปีละ 3,984 บาท (1 ธ.ค. 52-30 พ.ย. 57 ) สำหรับช่วงปีที่ 11-15 ให้เพิ่มค่าเช่าขึ้น 15 % เป็นเดือนละ 382 บาท หรือปีละ 4,584 บาท โดยไม่มีการระบุค่าเช่าที่ผู้เช่าจะต้องจ่ายตั้งแต่ปีที่ 16 เป็นต้นไป “นอกจากนี้ในสัญญา ฯข้อที่ 8 ยังระบุให้ผู้ให้สัญญานำหลักประกันสัญญาเพื่อประกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการก่อสร้างไม่ถูกต้องตามแบบแปลน หรือตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญา หรือผู้ให้สัญญาผิดเงื่อนไขสัญญาข้อใดข้อหนึ่งเป็นเงินสด จำนวน 52,752 บาท (ร้อยละ 10 ของราคาการก่อสร้างตามสัญญา) ซึ่งผู้ให้สัญญาได้จ่ายเงินให้กับผู้รับสัญญาแล้วตามใบเสร็จรับเงินเลขที่ 34 เล่มที่ 21026 ลงวันที่ 1 ธ.ค. 2547 หลักประกันดังกล่าวจะคืนให้เมื่อครบกำหนด 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ผู้รับสัญญาได้รับมอบสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดตามสัญญาถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ก่อสร้างและผู้เช่าทุกคนได้ลงนามทำสัญญาแบบเดียวกับนายภิญโญ ฐานะกาญจน์ บิดาของตน”
นางสาวชรินทิพย์ กล่าวอีกว่า ต่อมาสำนักงานธนารักษ์พื้นที่นครศรีธรรมราช ได้มีหนังสือลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ถึงผู้เช่าอาคารเรื่องอนุญาตให้ต่อสัญญาเช่าอาคารราชพัสดุ ตำบลฉวาง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีกำหนดระยะเวลา 5 ปี เนื่องจากสัญญาเช่าเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 โดยผู้เช่าทุกรายยังคงครอบครองใช้ประโยชน์ในสถานที่เช่าและชำระคำตอบแทนการใช้ประโยชน์อาคารจนถึงปัจจุบัน จึงอนุญาตให้ท่านต่ออายุสัญญาเช่าอาคารราชพัสดุดังกล่าว นับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังนี้ 1. ชำระค่าเช่าอาคารราชพัสดุ ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ปรับปรุงค่าเช่าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 9 ของค่าเช่าเดิม เป็นเงินเดือนละ 419 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ปรับปรุงค่าเช่าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 9 ของค่าเช่าเดิมเป็นเงินเดือนละ 455 บาท 2.ผู้เช่าได้ชำระค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์อาคารตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 ถึงเดือนกรกฎาคม 2564 ไว้ในอัตราเดือนละ 382 บาท จึงต้องชำระค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์อาคารเพิ่มรวมเป็นเงิน 700 บาท 3.ชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุสัญญาเช่า 5 ปี เป็นเงิน 50,690 บาท 4. ชำระค่าธรรมเนียมการตรวจสภาพอษคาร เป็นเงิน 600 บาท 5. วางหลักประกันสัญญาเช่าอาคารราชพัสดุเพิ่ม เป็นเงิน 105 บาท และ 6. ต้องทาสีอาคารใหม่ทั้งภายนอกและภายในให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่รับทราบ 7 ต้องชำระเบี้ยประกันอัคคีภัยตลอดสัญญาเช่า และเงื่อนไขอื่น ๆ รวม 11 ข้อ “หากยินยอมหรือไม่ยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ขอให้ไปพบเจ้าหน้าที่เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐานกรณียินยอมขอให้นำเงินตามข้อ 2-5 รวมจำนวน 51,655 บาท ไปชำระ ณ ช่องทางใดช่องทางหนึ่งที่สำนักงานนารักษ์เปิดบริการ เมื่อชำระเรียบร้อยแล้วขอให้นำสัญญาเช่า”ฉบับผู้เช่า”ไปบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการต่ออายุสัญญาเช่าอาคารราชพัสดุ บันทึกคำยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขบันทึกต่อท้ายสัญญาเช่า ณ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่นครศรีธรรมราช ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช (หลังใหม่) ชั้น 4 ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งตามหนังสือนี้ ลงนามโดยนายนิวัฒน์ นันทคีรี ธนารักษ์พื้นที่นครศรีธรรมราช”
นางสาวชรินทิพย์ กล่าวต่อไปอีกว่าปัญหามันอยู่ที่เงื่อนไขการต่ออายุสัญญาและชำระค่าเช่าอาคารของธนารักษ์จังหวัดนครศรีธรรมราชฉบับดังกล่าว ที่ระบุในสัญญาข้อ 3 ว่าต้องชำระคำธรรมนียมและต่อสัญญาเช่า 5 ปี เป็นเงินจำนวน 50,690 บาท ซึ่งในสถานการณ์เศรษฐกิจตกต่ำจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้เช่าได้รับความเดือดร้อนและไม่ความสามารถจ่ายค่าธรรมเนียมต่อสัญญาเช่า 50,690 บาท ได้ ประกอบกับยอดชำระดังกล่าวไม่เคยมีระบุมาก่อนในสัญญาเช่าเดิม และเป็นการช้ำซ้อนกับค่าเช่ารายเดือน/รายปีที่ปรับสูงขึ้นมาก และอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสวิด-19 อย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ผู้เช่าไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้หรือรายได้ลดน้อยลง ที่สำคัญอีกประการหนึ่งหลักประกันความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้างตามข้อ ข้อ 8 ของสัญญาก่อสร้าง ฯเป็นเงินสด จำนวน 52,752 บาท (ร้อยละ 10 ของราคาการก่อสร้างตามสัญญา) ซึ่งผู้ให้สัญญาจ่ายเงินให้กับผู้รับสัญญาแล้วตามใบเสร็จรับเงินเลขที่ 34 เล่มที่ 21026 ลงวันที่ 1 ธ.ค. 2547 โดยในหนังสือสัญญาระบุชัดเจนว่าหลักประกันดังกล่าวจะคืนให้เมื่อครบกำหนด 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ผู้รับสัญญาได้รับมอบสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดตามสัญญาถูกต้องเรียบร้อยแล้ว “แต่จนถึงบัดนี้ผ่านมา 17 ปีผู้ก่อสร้างและผู้เช่าอาคารยังไม่ใด้รับเงิน จำนวน 52,752 บาทคืนเลย แต่กลับถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่อสัญญาเช่า 50,690 บาท ผู้เช่าทุกรายได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงขอความเป็นธรรมจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช หรือผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวข้องขอให้ยกเลิกค่าธรรมเนียมการต่อสัญญาเช่า 5 ปีจำนวน 50,690 บาท ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ต่อสัญญาและขอให้คืนเงินหลักประกันความเสียหายระหว่างการก่อสร้างอาคาร จำนวน 52,752 บาทคืนให้ผู้ก่อสร้างและผู้เช่าด้วย โดยรายละเอียดต่าง ๆ ข้างต้นได้ทำเอกสารระบุส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และถึงสำนักงานธนารักษ์จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป”. นางสาวชรินทิพย์ ฐานะกาญจน์ กล่าวในที่สุด.
ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช