“บิ๊กโจ๊ก” ยื่นเรื่อง ขอให้ประธานศาลปกครองสูงสุด ตรวจสอบตุลาการเจ้าของสำนวน

"บิ๊กโจ๊ก" ยื่นเรื่อง ขอให้ประธานศาลปกครองสูงสุด ตรวจสอบตุลาการเจ้าของสำนวน

เรื่องราวของบิ๊กโจ๊ก ถึงแม้ว่าจะเงียบหายไปแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีกระแสเอาเสียเลย เพราะก็ยังมีคนคอยติดตามอย่างเป็นระยะๆถึงจังหวะการต่อสู้ว่าขณะนี้บิ๊กโจ๊กได้เดินทางไปถึงขั้นตอนไหนแล้วภายหลังถูกสั่งให้ออกจากราชการ ไม่ได้กลับมาใส่ชุดตำรวจเหมือนครั้งก่อนด้วยวิบากกรรมที่เกิดขึ้นมากมาย

นายชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์ อดีตตุลาการศาลปกครอง ได้ออกมาวิเคราะห์คดีความของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในประเด็นการออกคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีใจความสรุปได้ว่า

ตามคำสั่งที่ให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการไว้ก่อน น่าจะมีปัญหาการใช้และการตีความกฎหมาย ทั้งนี้เนื่องจากการออกคำสั่งดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งมิได้นำบทบัญญัติตามมาตรา120วรรคสี่แห่งพรบ.ตำรวจแห่งชาติพ.ศ.2565 ที่บัญญัติห้ามมิให้ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจ ดำเนินการใดๆที่กระทบสิทธิของข้าราชการตำรวจที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวน ( ซึ่งรวมถึงการสั่งพักราชการหรือการสั่งให้ออกจากราขการไว้ก่อน) เว้นแต่การที่ผู้บังคับบัญชาได้สั่งพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามคำแนะนำของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง มาใช้พิจารณาออกคำสั่ง

 

ข่าวที่น่าสนใจ

บทบัญญัติตามมาตรา120 วรรคสี่แห่งพรบ.ตำรวจแห่งชาติพ.ศ.2565 นี้เป็นบทบัญญัติใหม่ ไม่เคยมีบทบัญญัติเช่นนี้มาก่อนในพรบ.ตำรวจฉบับก่อนๆ รวมทั้งตาม พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนสามัญก็ไม่เคยมีบทบัญญัติในลักษณะนี้เช่นกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงไม่อาจอ้างถึงแนวปฏิบัติของผู้บังคับบัญชาของข้าราชการพลเรือนสามัญได้ การศึกษาพิเคราะห์ในครั้งนี้ได้นำเหตุผลของการใช้กฎหมายในการออกคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาให้ใช้ประกอบการศึกษาพิเคราะห์ด้วย

 

ต่อมาวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 “บิ๊กโจ๊ก” ได้ยื่นเรื่องร้องเรียน การปฏิบัติหน้าที่ ของตุลาการเจ้าของสำนวน มีพฤติกรรมไม่เป็นกลาง ขาดความซื่อสัตย์สุจริต ฝ่าฝืนหลักจริยธรรม ของตุลาการศาลปกครอง

โดยจากกรณี พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด กรณีคำสั่งให้ออกราชการมิชอบด้วยกฎหมาย คืบหน้าล่าสุดวันนี้ 3 กรกฏาคม 2568 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้ ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยการยื่นร้องเรียน ขอให้ประธานศาลปกครองสูงสุด ตรวจสอบและดำเนินการทางวินัยกับตุลาการเจ้าของสำนวน เนื่องจากพบว่า มีพฤติกรรมไม่เป็นกลาง ไม่ซื้อสัตย์สุจริต ฝ่าฝืนหลักจริยธรรม ของตุลาการศาลปกครองอย่างร้ายแรง โดยตุลาการเจ้าของสำนวน จงใจปฏิบัติหน้าที่ละเลยพยานหลักฐาน ฝ่าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยปราศจากความเป็นกลาง มีอคติ และกระทำโดยมิชอบ รวมทั้งมีการสรุปข้อเท็จจริงเอนเอียงไม่เป็นกลาง เป็นพฤติกรรมที่ขัดต่อจริยธรรม ตุลาการศาลปกครองอย่างร้ายแรง

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

แม่ทัพภาค 4 กำชับเข้มด่านตรวจชายแดน
ปล่อยกุ้ง–ปลาทะเล ฟื้นฟูชายฝั่ง
ตักบาตร 555 รูป เฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 10
เดินหน้า Smart City ดึงสายการบินอินโดฯ เปิดเส้นทางบินตรง
อบจ.สงขลา ลงพื้นที่ ให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่ในโรงเรียน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนพัฒนา 'กาวติดกระดูก' แนวทางใหม่รักษากระดูกหัก

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​