logo

“พนักงานบีทีเอส” สุดทนยื่นหนังสือร้อง “บิ๊กตู่” เร่งแก้หนี้รถไฟฟ้าสีเขียวเกือบ 5 หมื่นล้าน

"พนักงานบีทีเอส" สุดทนยื่นหนังสือร้อง "บิ๊กตู่" เร่งแก้หนี้รถไฟฟ้าสีเขียวเกือบ 5 หมื่นล้าน

สืบเนื่องจากการที่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ดำเนินการฟ้องร้องให้กรุงเทพมหานคร และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ KT ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินให้แก่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนี้ค้างชำระตามสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร จากการว่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ที่ 1 และ 2 หรือ เส้นทางส่วนต่อขยายสีลม (สะพานตากสิน-บางหว้า) และ เส้นทางส่วนต่อขยายสุขุมวิท ( อ่อนนุช-แบริ่ง) กับ เส้นทางส่วนต่อขยายสุขุมวิท ( หมอชิต – คูคต ) และ ( แบริ่ง – สมุทรปราการ )

ต่อมาเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้อง ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินให้แก่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนี้ค้างชำระตามสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย

– หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 2,348,659,232.74 บาท พร้อมดอกเบี้ย ของต้นเงินจำนวน 2,199,091,830.27 บาท

– และหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 9,406,418,719.36 บาท พร้อมดอกเบี้ย ของต้นเงินจำนวน 8,786,765,195.47 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น

โดยให้ชำระให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

ต่อมา นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับทีมข่าว TOP NEWS ถึงความคืบหน้าการฟ้องร้องให้คู่สัญญาการว่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทั้ง กทม. และ บริษัทกรุงเทพธนาคม ดำเนินการชำระหนี้คงค้างจ่าย ว่า ทาง BTSC ได้มีการยื่นฟ้องเพิ่มเติมต่อศาลปกครอง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 2505/2565 เรียบร้อยแล้ว โดยมีวงเงินฟ้องร้องเพิ่มประมาณ 10,000 ล้านบาท สำหรับยอดค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าค้างจ่าย หลังจาก BTSC ยื่นฟ้องครั้งแรก จนถึงวันที่ยื่นฟ้อง

ขณะเดียวกันเมื่อ ตรวจสอบกับข้อมูลของศาลปกครอง พบรายละเอียดเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวเป็นคดีหมายเลขดำที่ 2505/2565 ว่าด้วย ข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง โดย บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ฟ้องว่า กรุงเทพมหานคร ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน ผิดสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร เลขที่ กธ.ส.006/55 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2555 และเลขที่ กธ.ส.024/59 ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2559

กรณีผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไม่ชำระค่าจ้างให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2564 ถึงวันที่ 20 พ.ย. 2565 ให้แก่ผู้ฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือทวงถามให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองชำระเงินแล้ว แต่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเพิกเฉย จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะที่ ทีมข่าว TOPNEWS ได้สอบถามนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ถึงการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หลังจากนี้ โดยระบุว่า ตนเองไม่ทราบ เพราะเรื่องยังไม่มา จึงตอบไม่ถูก ต้องไปถามทางกระทรวงมหาดไทย กับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เนื่องจากตนเองไม่ใช่เจ้าของเรื่อง โดยหากไม่ใช่เจ้าของเรื่อง แต่หากมีการยื่นเรื่องเข้ามาและตนเองเห็นก็สามารถที่จะตอบได้ แต่ขณะนี้ เรื่องยังไม่มา

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่มีการนำเรื่องโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้าสู่ที่ประชุมครม. และรัฐบาลชุดนี้ จะมีผลอะไรหรือไม่ นายวิษณุ ยอมรับว่า หากเรื่องดังกล่าวไม่มีการนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. หรือไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ ย่อมมีผลกระทบตามมาแน่นอน แต่จะเลือกเอาผลข้อใด ตนเองไม่ทราบ จะเรียกเอาเงิน หรือ เรียกให้รัฐบาลช่วยเอาคืนไป หรือ เอกชนจะเรียกให้ตนเองได้ดำเนินการต่อ ซึ่งมีหลายเรื่อง และต้องไปถามบีทีเอส

กรณีหากมีการยุบสภา คำสั่งคสช. 3/2562 จะยังมีผลบังคับใช้ต่อหรือไม่ นายวิษณุ ระบุว่า แม้จะมีการยุบสภาเกิดขึ้น แต่ในส่วนของคำสั่ง คสช.ยังคงมีอยู่และยังคงบังคับใช้ต่อ ไม่สิ้นผลไปด้วยการยุบสภา เนื่องจากคำสั่ง คสช. เป็นกฎหมาย แต่จะสิ้นผลบังคับใช้ โดยการออกกฎหมายมายกเลิก

ผู้สื่อข่าวถามถึงภาระหนี้ที่เอกชนแบกรับกว่า 4 หมื่นล้านบาท รัฐบาลจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไรกับหนี้ก้อนนี้ นายวิษณุ ระบุว่า ตนไม่รู้ และไม่ทราบเรื่องนี้จริงๆ

สำหรับ การเดินหน้าให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า , ช่วงอ่อนนุช-สมุทรปราการ และ ช่วงหมอชิต-คูคต เริ่มต้นมาจากพล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่เป็นหัวหน้าคสช. ออกคำสั่งคสช. 3/2562 ลงวันที่ 11 เมษายน 2562 โดยการใช้อำนาจตามความในมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 โอนความรับผิดชอบ รถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนต่อขยาย) จากรฟม.ให้กทม.รับผิดชอบ ด้วยวัตถุประสงค์ เพื่อทำให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นระบบเดียวกัน

พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานคณะกรรมการ ให้ร่วมกันพิจารณาความเหมาะสม แนวทางการแก้ปัญหา ภายหลังการโอนย้ายความรับผิดชอบ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวจาก รฟม.มาให้ กทม. และ ศึกษาแผนการร่วมทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ระหว่างภาครัฐและเอกชน ด้วยเพราะการโอนย้ายโครงการดังกล่าว จะก่อให้เกิดภาระหนี้สินต้องรับภาระ 3 ส่วน คือ หนี้งานโยธาและดอกเบี้ยถึงปี 2572 , หนี้ค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล , หนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย โดยคิดเป็นค่าจ้างเดินรถเฉลี่ยประมาณเดือนละ 600 ล้านบาท

 

ล่าสุดวันที่ 14 มีนาคม 2566 ตัวแทนกลุ่มพนักงาน BTS ได้เดินทางมายื่นจดหมาย ถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องขอให้เข้ามาแก้ไขปัญหาหนี้สินจากการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยมีเนื้อหาดังนี้

ข้าพเจ้าและพวก พนักงานบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ KT ในการให้บริการสาธารณะ รับจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 และท่านได้มีคำสั่งในฐานะหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 3/2562 เพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับหนี้บริการสาธารณะดังกล่าวนั้น

 

นับแต่วันที่ท่านมีคำสั่งดังกล่าว และดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนผ่านมาเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องก็มิได้ดำเนินการอย่างไรตามคำสั่งของท่านให้เกิดผลบรรลุตามวัตถุประสงค์ และแม้บริษัทจะได้ฟ้องศาลปกครอง จนมีคำพิพากษาของศาลปกครองกลางให้หน่วยงานของรัฐชำระหนี้ตามสัญญาจ้างแล้ว หน่วยงานของรัฐก็ยังบ่ายเบี่ยงและประวิงเวลาโดยการอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลปกครองสูงสุด แต่ยังให้บริษัทให้บริการสาธารณะอย่างต่อเนื่อง โดยมิได้ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการดำเนินการใดๆ ของบริษัท

บัดนี้ หนี้ค่าจ้างเดินรถสะสมเกือบ 50,000 ล้านบาท ย่อมส่งผลต่อสถานะทางการเงิน และการใช้จ่ายของบริษัท ซึ่งอาจรวมถึงการจ้างงานพวกข้าพเจ้าในอนาคต และการให้บริการสาธารณะต่อไปด้วย เหล่านี้เป็นผลกระทบจากการบริหารงานของรัฐบาลท่าน ที่ไม่บริหารจัดการให้หน่วยงานของรัฐดังกล่าวชำระหนี้แก่บริษัท จึงขอให้ท่านเร่งพิจารณา หาแนวทางช่วยเหลือ หรือแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จ ภายในอายุของรัฐบาลชุดปัจจุบันเป็นการด่วน

จึงกราบเรียนมาเพื่อขอความเมตตาดำเนินการแก้ไขปัญหา
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
ตัวแทนกลุ่มพนักงาน BTS

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

รวบตัว "ป้ามหาภัย" ตระเวนฉกทรัพย์นทท.ในวัด พบประวัติไม่ธรรมดา เข้าออกคุกเป็นว่าเล่น
เยอรมนี คนร้ายบุกแทงกลุ่มต่อต้านอิสลาม
สหรัฐ ผู้นำยื่นข้อเสนอหยุดยิงอิสราเอล-ฮามาส
จับแล้ว "หนุ่มฮู้ดดำ" ฆ่าหมกคอนโดฯ อ้างมีปัญหาเงิน 5 ล้าน พ่อผู้ก่อเหตุยกมือไหว้ขอโทษญาติ
กรมอุตุฯ เตือน 40 จว. รับมือฝนถล่ม-ลมกระโชกแรง กทม.ไม่รอดโดนด้วย
แห่ขอโชคต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์อายุกว่า 100 ปี ตั้งตระหง่านกลางถนน หลังให้โชคชาวบ้าน 2งวดติด งวดนี้ให้เลขชัดแจ๋ว
"เสมา 1" เน้นย้ำนโยบายลดภาระหนี้ครู หนุนสพฐ.ร่วมวางแผนเก็บออม กู้ใช้จ่าย ผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์
เปิดใจ "แม่-พี่ชาย" หนุ่มใหญ่ถูกฆ่าหมกคอนโดฯ หลังจับคนร้ายได้ หวังลูกคงดีใจหมดห่วง
"แม่นิด" โต้รัวสายเกรียน แขวะโพสต์คลิป "สามเณรใบบุญ" อยากดันลูกให้ดัง งานนี้ FC ไม่ทนร่วมส่งกำลังใจ
เปลี่ยนแผน "ทวี" นำตัว "แป้ง นาโหนด" กลับไทยรับโทษ คาด 4 มิ.ย.นี้

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น