No data was found

“สมศักดิ์” ซบเพื่อไทย-ถึงเวลาสามมิตรแยกย้าย

กดติดตาม TOP NEWS

จับตาถึงวันสามมิตรแยกสลาย "สมศักดิ์" ทิ้งลุงป้อมซบเพื่อไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ สุริยะไม่ไปไหนมีชนักติดหลัง ส่วนอนุชาไปช่วยงานลุงตู่แบบแบเบอร์ พร้อมเปิดเส้นทางก่อกำเนิดสามมิตรกว่าจะเป็นวันนี้

เริ่มชัดเจนขึ้นทุกขณะหลังจากเล่นบทเตมีย์ใบ้มาตลอดสำหรับ 3 ส.ส.แกนนำ “กลุ่มสามมิตร” พรรคพลังประขารัฐ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหรรม และนายอนุชา นาคาสัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยตลอดเวลาแม้ว่า ส.ส.และแกนนำกลุ่มต่าง ๆ จะหอบผ้าผ่อนย้ายไปยังพรรคการเมืองต่าง ๆ แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เราจะคาดเดาได้ว่า 3 แกนนำกลุ่มสามมิตรจะย้ายไปพรรคใด

สำหรับการก่อกำเนิดของกลุ่มสามมิตรเกิดขึ้นจากการกลับมาร่วมงานทางการเมืองระหว่าง นายสมศักดิ์ นายสุริยะ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งมีฐานหลักมาจากกลุ่มวงน้ำยม หรือกลุ่มมัชฌิมาเดิม และทั้งสามคนมีส่วนสำคัญในการทำให้พรรคไทยรักไทย จัดตั้งรัฐบาลได้เมื่อปี 2544 จากการเดินสายรวบรวมบรรดา ส.ส. ในพรรคต่างๆ เพื่อเข้ามารวมกันในพรรคไทยรักไทย

อย่างไรก็ตามหลัง พล.อ.ประยุทธ์ รัฐประหารตั้งรัฐบาล คสช. ประกอบด้วยแม่น้ำ 5 สายได้ดึงนายสมคิด นั่งรองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ซึ่งมาพร้อมกับลูกทีม 4 กุมาร คุมเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน ดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงเทคโนโลยี ,นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นั่งรมช.พาณิชย์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ นั่งรมว.วิทยาศาสตร์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ต่อมาเมื่อรัฐธรรมนูญปี 2560 ประกาศใช้ ปี่กลองทางการเมืองเร่งโหม ฝ่ายรัฐบาลจึงจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ชื่อ “พลังประชารัฐ” ซึ่งการรวมเหล่าบรรดาบ้านใหญ่ ในทุกฝ่ายการเมือง หลักๆมาจากอดีตไทยรักไทยเดิม ซึ่งกลุ่มวังน้ำยมที่มีความสนิทสนมกับนายสมคิดตั้งแต่อยู่พรรคไทยรักไทย จึงได้มาเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันก่อตั้งสร้างรากฐานพรรคพลังประชารัฐ โดยกลุ่มสามมิตรเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2561

 

ข่าวที่น่าสนใจ

มาถึงวันนี้เมื่อการเมืองเดินหน้าเข้าสู่ถนนการเลือกตั้ง ทำให้สังคมเริ่มจับตาว่า กลุ่มสามมิตรที่เคยยิ่งใหญ่เบอร์ต้นๆในพลังประชารัฐจะขยับไปในทางใด ทั้งนี้ในส่วนของอย่างนายอนุชา เชื่อว่าจะตามไปช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ ที่รวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน เพราะหากดูจากบทสัมภาษณ์ของนายอนุชาที่ออกมาระบุประมาณว่า ทำงานเข้าขากับ พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นอย่างดี และคงไม่มีใครในสามมิตรว่าอะไรเมื่อถึงวันต้องแยกทางเดินนั้น ฟันธงได้ทันทีว่า “เธอปันใจ” ไปแล้ว

ขณะที่นายสุริยะ แม้ก่อนหน้านี้มีข่าวจะกลับพรรคเพื่อไทย แต่มั่นใจได้ว่าจะปักหลักอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐ ไม่หนีไปไหนแน่นอนเช่นกัน เนื่องจากนายสุริยะมีชนักติดหลังในคดีสินบนเครื่องบินของบริษัทการบินไทยจำกัด(มหาชน) สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลพรรคไทยรักไทยคาอยู่ ดังนั้นขอให้มั่นใจว่า สุริยะจะเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ที่พลังประชารัฐยาวๆ ไป

มาถึงนายสมศักดิ์ ขาใหญ่ระดับบิ๊กของกลุ่ม “สามมิตร” มีความเป็นไปได้ 1,000 เปอร์เซ็นต์ว่าจะทิ้งลุงป้อมย้ายค่ายหนีจากพลังประชารัฐหวนคืนสู่รังเก่า “พรรคเพื่อไทย” แน่นอน ความจริงแล้วดีลนายสมศักดิ์ย้ายไปเพื่อไทยเกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ เปรียบเหมือนกลยุทธ์ “ลับ ลวง พราง” มานานแล้ว โดยดีลนี้เป็นฝีมือนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือเจ๊แดง น้องสาวทักษิณ ชินวัตร ที่ใครๆ ก็รู้ว่าในสมัยพรรคไทยรักรุ่งเรือง นายสมศักดิ์กับนางเยาวภามีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นการเดินไปเคาะประตูพร้อมยื่นข้อเสนอที่เย้ายวนเพื่อให้นายสมศักดิ์ใจอ่อนคงไม่ใช่เรื่องยากหากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล

ทั้งนี้ข่าวนายสมศักดิ์ย้ายไปพรรคเพื่อไทยไม่ใช่เรื่องโคมลอย เพราะก่อนหน้านี้มีเสียงร่ำลืออ้างว่า นายสมศักดิ์ย่องแทงข้างหลังพรรคประชาธิปัตย์ด้วยการดอดไปเจรจากับ ส.ส.คนนึงในภาคเหนือตอนล่างเพื่อดึงตัวมาอยู่ที่พรรคเพื่อไทย โดยกระแสข่าวอ้างว่าเด็กประชาธิปัตย์คนนั้น คือนายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร อดีต ส.ส.นครสวรรค์ โดยมีเสียงกระซิบว่า การเจราเป็นไปอย่างราบรื่นถึงขนาดนายสมศักดิ์ถ่ายรูปนายสงกรานต์ส่งไปให้เจ๊แดงก่อนจะพูดว่า “เรียบร้อยครับ”

 

เมื่อเรื่องดังกล่าวไปเข้าหูนายนิพนธ์ บุญญามนี แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้นายสงกรานต์ ต้องออกมาปฎิเสธทันควันว่า ไม่ใช่เรืองจริง ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลให้นายนิพนธ์ โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงต่อการกระทำของนายสมศักดิ์ที่แอบตกปลาในบ่อเพื่อนไปให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างพรรคเพื่อไทย

กระแสนายสมศักดิ์ย้ายไปเพื่อไทยยิ่งตอกย้ำมากขึ้น โดยเฉพาะท่าทีของนายสมศักดิ์ที่มีต่อเยาวชนกลุ่มสาวนิ้วในวันที่เดินทางไปโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิตเพื่อเยี่ยม น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ “ตะวัน” อดีตสมาชิกกลุ่มทะลุวัง และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ“แบม” นั้น ซึ่งเป็นท่าทีในลักษณะเห็นอกเห็นใจ เข้าใจถึงขนาดมีดราม่าน้ำตาคลอแว่น ทั้งที่ในความเป็นจริงนายสมศักดิ์ สวมหมวกในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมย่อมต้องรู้ดีว่า กลุ่มสามนิ้วกระทำผิดต่อสถาบันอย่างชัดเจน และที่สำคัญนายสมศักดิ์ย่อมรู้เป้าหมายของเด็กกลุ่มนี้ดีว่าประสงค์ร้ายต่อสถาบัน ดังนั้นการแสดงออกที่เปลี่ยนไปของในสมศักดิ์ย่อมทำให้สังคมอดสงสัยไม่ได้ว่า นายสมศักดิ์กำลังโหนกระแสเด็กด้วยการเชื่อมมิตรยั้งศัตรูก่อนย้ายไปเพื่อไทยอย่างเป็นทางการหรือไม่…?

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สันติสุข" เสียดายงบฯพร้อมใช้ 1.7 แสนล้าน รัฐแช่แข็ง ไม่ทำคนละครึ่งกระตุ้นกำลังซื้อ
2 ส. "รมต." เขี้ยวลากดินเก้าอี้แข็งปั้กได้ดีเกินหน้าลูกหม้อ "พท." เจ็บช้ำใจแต่ไม่กล้าหือนายใหญ่
"อช.แก่งกระจาน" ประกาศปิดท่องเที่ยวเขาพะเนินทุ่งชั่วคราว เพื่อซ่อมถนน
“ประเสริฐ” แจง “ชลน่าน” ยังกำลังใจดีอยู่ แม้หลุดรัฐมนตรี ยัน ไม่ทราบลือเปลี่ยนนั่ง ปธ.สภาฯ
พายุฤดูร้อน มาแล้ว อุตุฯเตือนฉบับ 1 ไทยตอนบนรับมือฝนฟ้าคะนอง 3-7 พ.ค.นี้ ระวังฟ้าผ่า ลมแรง
"ธนาธร" กู่ไม่กลับ! ฉีกกฎเหล็ก "กกต." จูงจมูก สว.ส้ม หลอน "บิ๊กตู่" คอนเน็คชั่น
"ดร.ธรณ์" เผย "ทะเลไทย" ร้อนเท่าออนเซนญี่ปุ่น วัดอุณหภูมิน้ำจากแหล่งหญ้าในทะเล ทะลุ 40 องศา
“อ๋อม สกาวใจ” รับไม่ได้ โร่แจ้งความ "เกรียนคีย์บอร์ด" เมนต์คุกคามทางเพศ
"อนุทิน" นำทีมพบผู้ใช้แรงงาน รับ 10 ข้อเรียกร้อง ยันเดินหน้าปรับค่าจ้าง พัฒนาทักษะอาชีพ เพิ่มสวัสดิการชีวิต
ก้าวไกลตีปีก "ศาลรธน." อนุญาต ขยายเวลาชี้แจงคดียุบพรรคอีก 15 วัน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น