สำนักข่าว ซีเอ็นบีซี และ ซีเอ็นเอ็น รายงานว่าตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 ใน 50 รัฐทั่วสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดย ดร. โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ระบุว่า การแพร่ระบาดในครั้งนี้เป็นการแพร่ระบาดของผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยพบจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นในรัฐที่มีอัตราการฉีดวัคซีนโควิดต่ำ ขณะที่ชุมชนที่ได้รับการฉีดอย่างทั่วถึงนั้นสถานการณ์ปกติดี
รัฐ 5 แห่งที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาที่สุดคือ อาร์คันซอ ฟลอริดา ลุยเซียนา มิสซูรี และเนวาดา สหรัฐฯ พบผู้ป่วยเฉลี่ย 26,400 ราย ต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว ขยับขึ้นราว 70 เปอร์เซ็นต์จากสัปดาห์ก่อนหน้า ด้านผู้เชี่ยวชาญ ชี้ว่า ตัวเลขผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นผลมาจากการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า โดยสหรัฐฯ มีผู้ฉีดวัคซีนครบโดส อยู่ที่ 48.8 เปอร์เซ็นต์ ต่อจำนวนประชากร ขณะเดียวกันแพทย์จากซีดีซี ยังคงยืนยันว่าวัคซีนโควิดไฟเซอร์ และโมเดอร์นา นั้นมีประสิทธิภาพในการต้านโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพจะลดลงก็ตาม
นอกจากนี้ยังเกิดความกังวลเกียวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในพื้นที่ที่ประชาชนได้รับวัคซีนไม่ทั่วถึง ท่ามกลางตัวเลขของผู้เสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้น โดยจำนวนผู้เสียชีวิตเฉลี่ยต่อสัปดาห์ได้ขยับขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์ เป็น 211 ศพ ต่อวัน เช่นเดียวกับตัวเลขผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ขยับขึ้น 36 เปอร์เซ็นต์