นายบรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังฝรั่งเศส กล่าวในการแถลงข่าว ว่าในปีหน้า รัฐบาลจะกู้เงิน 2 แสน 7 หมื่นล้านยูโรหรือประมาณ 9.8 ล้านล้านบาท เพื่อใช้เป็นงบประมาณในการดำเนินงาน โดยมุ่งจะจัดการราคาพลังงาน ขึ้นค่าจ้าง และเพิ่มการจ้างงาน ซึ่งเขากล่าวว่า งบประมาณดังกล่าวนั้น มีความจำเป็น สำหรับช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนอย่างยิ่งในขณะนี้
โดยตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้าเป็นต้นไป ราคาค่าไฟและก๊าซจะถูกจำกัดให้เพิ่มขึ้นได้ไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมาตรการนี้ คาดว่าจะต้องใช้งบอุดหนุนมูลค่า 4 หมื่น 5 พันล้านยูโร นาย เลอ แมร์อธิบายว่า งบที่ใช้นั้นคิดเป็นมูลค่าสูง เนื่องจากก๊าซมีราคาแพง
นอกจากนี้รัฐบาลยังได้ประกาศขึ้นค่าจ้างให้แก่ ครู ผู้พิพากษา และข้าราชการอื่นๆ ด้วย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งคาดว่าอยู่ในระดับ 4.3 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า และ 5.4 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ พร้อมกันนี้ รัฐจะเพิ่มการจ้างงานอีก 1 หมื่น 1 พันตำแหน่ง ซึ่งเป็นการพลิกกลับนโยบายอย่างสิ้นเชิงจากนโยบายหาเสียงของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงในปี 2017 ที่กล่าวว่า จะลดการจ้างงานภาครัฐลง 1 แสน 2 หมื่นตำแหน่ง
พร้อมกันนี้นายเลอ แมร์คาดว่าในปีนี้ฝรั่งเศสจะมีจีดีพีเติบโตขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์ สวนทางกับประมาณการของธนาคารกลางฝรั่งเศสที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 0.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการขาดดุลสาธารณะคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงถึง 5 เปอร์เซ็นต์ของ จีดีพี
อย่างไรก็ดีคาดว่า แผนงบประมาณฉบับใหม่นี้ มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับการต่อต้านอย่างรุนแรงในรัฐสภา เนื่องจากพรรคของนายมาครง และพันธมิตรของพรรคได้สูญเสียเสียงข้างมากในการเลือกตั้งเมื่อต้นปี