ผบ.ทสส.เข้มบังคับใช้กฎหมายพื้นที่ควบคุมสูงสุด 10 จังหวัด

ทำเนียบฯ 11 ก.ค.- ผบ.ทสส.แจงบังคับใช้กฎหมายกำหนดพื้นที่ควบคุมสูงสุด 10 จังหวัด ย้ำจัดชุดตรวจ สายตรวจร่วม และชุดลาดตระเวนร่วมห้ามออกนอกเคหะสถาน 21.00-04.00 น. พร้อมจัดตั้งจุดตรวจคัดกรองคนเข้าออกเข้ม

พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฎิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายตามมาตรการที่กำหนด ได้กำหนดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส โดยมีการดำเนินการดังนี้ จัดชุดตรวจ สายตรวจร่วม และชุดลาดตระเวนร่วม เพื่อบังคับใช้มาตรการห้ามออกนอกเคหะสถาน ระหว่างเวลา 21.00-04.00 น. ของวันถัดไป เว้นแต่เป็นผู้ได้รับการยกเว้นตามข้อกำหนดหรือได้รับอนุญาตเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นรายกรณี นอกจากนั้นยังมีการจัดตั้งจุดตรวจเพื่อคัดกรองผู้เดินทางเข้าออกจังหวัดอย่างเข้มงวด ในพื้นที่กทม. จัดตั้งจุดตรวจ จำนวน 88 จุด จังหวัดปริมณฑล จำนวน 20 จุด และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 39 จุด โดยการดำเนินการดังกล่าวในวันที่ 12 ก.ค. 2564 นั้นเจ้าหน้าที่จะดำเนินการโดยให้มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตให้น้อยที่สุด

พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า ในส่วนพื้นที่จังหวัดชายแดนนั้นจะมีการเข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จัดกำลังในการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจพื้นที่ โดยเฉพาะช่องทางธรรมชาติ และเสริมประสิทธิภาพการเฝ้าตรวจด้วยการวางเครื่องกีดขวาง และการใช้เครื่องมือพิเศษ สกัดกั้นการลักลอบขนส่งยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย ตลอดจนการดำเนินมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 สำหรับในส่วนพื้นที่ถัดจากแนวชายแดนนั้น จะใช้กองกำลังป้องกันชายแดนจะร่วมกับฝ่ายปกครอง ทำการสำรวจตรวจสอบหมู่บ้านตามแนวชายแดน ที่เป็นพื้นที่พักรอของผู้ลักลอบเข้าเมืองและจัดตั้งจุดตรวจ ร่วมกับส่วนราชการ เครือข่ายภาคประชาชน และผู้นำหมู่บ้าน โดยในห้วงที่ผ่านมาแม้ว่าจะจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายพร้อมทั้งผู้นำพาได้เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังคงพบการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งศปม. จะเพิ่มความเข้มข้นในการปราบปรามผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายมากขึ้น สำหรับในห้วงเวลาที่ผ่านมาศปม.ได้รับข้อมูลเบาะแสอันเป็นประโยชน์จากประชาชน นำไปสู่การจับกุมได้หลายครั้ง ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากประชาชนหากผู้พบเห็นการละเมิดกฎหมายสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน 1111 ทำเนียบรัฐบาล หรือ หมายเลข 191,1599 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสายด่วนศปม.หมายเลข 1138 กองบัญชาการกองทัพไทยได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“อนุทิน” บอกไม่เกี่ยวแล้ว “ภูมิธรรม” สอบเขากระโดง ย้ำทำทุกอย่างทำตามขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนนั่ง มท.1
โอละพ่อ ! ช่างก่อสร้าง อ้างถูกโกงค่าแรง ที่แท้เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
สระแก้ว ย้ายด่วนเรื่องฉาวครูลวนลามเด็กนักเรียนหญิง
“ไอซ์” 1 ใน 5 ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดังย่านลาดพร้าว ย่องเข้ามอบตัวแล้ว
“ทบ.” รับมอบเหรียญมงคล 700 เหรียญ ส่งกำลังใจให้ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ
ฉะเชิงเทรา ปลาช่อนลอดถ้ำสมุนไพร ของดี 8 ริ้วที่ต้องบอกต่อ
ผบ.กองเรือยุทธการ ลงพื้นที่ นรข.อุบลฯ เยี่ยมครอบครัว 'จ่าชล' ทหารหมวดเรือชายแดนเกาะกูด ที่ภรรยาใกล้คลอด สร้างขวัญกำลังใจ
ศาลบุรีรัมย์ พิพากษาจำคุก 12 เดือน “ชูวิทย์” หมิ่นประมาท “ศักดิ์สยาม–เนวิน” กล่าวหาเท็จทุจริตรถไฟฟ้าสายสีส้ม–ฮุบที่ดินร.ฟ.ท.
ทรัมป์ขู่เก็บภาษีญี่ปุ่นเพิ่มเป็น 35% หลังไม่ยอมซื้อข้าว
สื่อสิงคโปร์ชี้อาณาจักรชินวัตรถึงกาลอวสาน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น