พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฎิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายตามมาตรการที่กำหนด ได้กำหนดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส โดยมีการดำเนินการดังนี้ จัดชุดตรวจ สายตรวจร่วม และชุดลาดตระเวนร่วม เพื่อบังคับใช้มาตรการห้ามออกนอกเคหะสถาน ระหว่างเวลา 21.00-04.00 น. ของวันถัดไป เว้นแต่เป็นผู้ได้รับการยกเว้นตามข้อกำหนดหรือได้รับอนุญาตเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นรายกรณี นอกจากนั้นยังมีการจัดตั้งจุดตรวจเพื่อคัดกรองผู้เดินทางเข้าออกจังหวัดอย่างเข้มงวด ในพื้นที่กทม. จัดตั้งจุดตรวจ จำนวน 88 จุด จังหวัดปริมณฑล จำนวน 20 จุด และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 39 จุด โดยการดำเนินการดังกล่าวในวันที่ 12 ก.ค. 2564 นั้นเจ้าหน้าที่จะดำเนินการโดยให้มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตให้น้อยที่สุด
พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า ในส่วนพื้นที่จังหวัดชายแดนนั้นจะมีการเข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จัดกำลังในการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจพื้นที่ โดยเฉพาะช่องทางธรรมชาติ และเสริมประสิทธิภาพการเฝ้าตรวจด้วยการวางเครื่องกีดขวาง และการใช้เครื่องมือพิเศษ สกัดกั้นการลักลอบขนส่งยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย ตลอดจนการดำเนินมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 สำหรับในส่วนพื้นที่ถัดจากแนวชายแดนนั้น จะใช้กองกำลังป้องกันชายแดนจะร่วมกับฝ่ายปกครอง ทำการสำรวจตรวจสอบหมู่บ้านตามแนวชายแดน ที่เป็นพื้นที่พักรอของผู้ลักลอบเข้าเมืองและจัดตั้งจุดตรวจ ร่วมกับส่วนราชการ เครือข่ายภาคประชาชน และผู้นำหมู่บ้าน โดยในห้วงที่ผ่านมาแม้ว่าจะจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายพร้อมทั้งผู้นำพาได้เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังคงพบการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งศปม. จะเพิ่มความเข้มข้นในการปราบปรามผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายมากขึ้น สำหรับในห้วงเวลาที่ผ่านมาศปม.ได้รับข้อมูลเบาะแสอันเป็นประโยชน์จากประชาชน นำไปสู่การจับกุมได้หลายครั้ง ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากประชาชนหากผู้พบเห็นการละเมิดกฎหมายสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน 1111 ทำเนียบรัฐบาล หรือ หมายเลข 191,1599 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสายด่วนศปม.หมายเลข 1138 กองบัญชาการกองทัพไทยได้ตลอด 24 ชั่วโมง