ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ 1 ใน 18 แห่งสินค้าดีGI อีสานสู่สากล

สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ จับมือกับสำนักงานพาณิชย์กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเปิดตลาดการค้าสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง

นางพิรุณวรรณน์ จงใจภักดิ์ พานิชย์จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ จับมือกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสกลนครพร้อมผลักดันข้าวหอมมะลิGI จ.สุรินทร์เป็น 1 ใน 18 แห่งสินค้าดีGIอีสานสู่สากล มั่นใจในคุณภาพข้าวหอมมะลิสุรินทร์ซึ่งได้รับการรับรองข้าวสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาตร์(GI) เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551 สืบเนื่องจากประเทศไทยมีการปลูกข้าวมาอย่างยาวนานจากร่องรอยข้าวเปลือกหรือแกลบที่ตั้งอยู่ในซากโบราณวัตถุสันนิษฐานได้ว่า มีการปลูกมาแล้วมากกว่า 5,500 ปี แต่การเพาะปลูกข้าวหอมมะลิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เริ่มปลูกหลังจากทางราชการมีการปรับปรุงพันธ์ข้าวหอมมะลิและรับรองพันธุ์ ในปี 2502 ในชื่อพันธ์”ขาวดอกมะลิ”และมีการปรับปรุงพันธุ์ ดังกล่าวทำให้อายุข้าวเบากว่าประมาณ 10 วัน มีการรับรองในชื่อพันธุ์ข้าวหอมมะลิ “กข15”

จังหวัดสุรินทร์ในอดีตประชากรประกอบด้วยชนชาติต่างๆเช่น ชาวไทย-กูยไทย-ลาวและไทย-เขมรซึ่งปลูกข้าวมาแต่โบราณมีวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับข้าวมากมายรวมถึงการเลี้ยงช้างเพื่อช่วยงานเกษตรกรรมและปัจจุบันเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตเมล็ดพันธุ์ขาวดอกมะลิ105และเมล็ดพันธุ์ กข.15ที่บริสุทธิ ตรงตามพันธุ์และปริมาณมากที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งได้รับการส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิอินทรีย์ เกษตรกรมีการปลูกข้าวหอมะลิเป็นพืชหลักจนมีชื่อเสียงจนชาวสุรินทร์ มีคำกล่าวว่า”ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ หอม ยาว ขาว นุ่ม”

ลักษณะประจำพันธุ์”ข้าวหอมมะลิสุรินทร์”(surin Hom Mali Rice)หมายถึงข้าวเปลือก ข้าวกล้อง และข้าวขาวที่แปรรูปมาจากข้าวพันธุ์หอมไวต่อแสง คือพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 และพันธุ์ กข 15 ที่ ผลิตในจังหวัดสุรินทร์ ในฤดูนาปี และมีกลิ่นหอมธรรมชาติ ความสัมพันธ์กับแหล่งภูมิศาตร์ เนื่องจากจังหวัดสุรินทร์มีป่าอุดมสมบูรณ์มีแหล่งน้ำธรรมชาติ และทุ่งนาที่ใช้ในการปลูกข้าว สภาพดินเป็นดินร่วนปนทรายและดินเหนียวมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ และไม่อุ้มน้ำ สภาพพื้นที่ไม่เป็นแอ่งกะทะน้ำไม่ท่วมขังนาน มีระบบกับเก็บถ่ายเทน้ำได้ง่าย การเพาะปลูกข้าวขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ และอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก จึงต้องทำคันนาและแบ่งพื้นนาออกเป็นแปลงๆ เพื่อประโยชน์ในการกักเก็บน้ำให้พอเพียงต่อการเจริญเติบโตของข้าวที่นามีสองลักษณะคือ นาดอน และนาลุ่ม พื้นที่นาดอนเหมาะสำหรับปลูกข้าวพันธุ์กข.15 ซึ่งมีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น ส่วนพื้นที่นาลุ่มเหมาะสำหรับปลูกข้าวพันธุ์ ดอกมะลิ105ซึ่งมีอายุการเก็บเกี่ยวยาวกว่า

 

นายบุญเหลือ ฤทธิรณ เครือข่ายผู้ผลิตข้าวหอมมะลิ105ชุมพลบุรี1 เปิดเผยว่า ปัจจุบันเครือข่ายมีจำนวนสมาชิก 18 ราย มีพื้นที่ปลูกข้าวพันธุ์ดอกมะลิ 105 รวม 291ไร่ ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับประเทศและระดับสากลorganic Thailand GI สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาตร์ จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ปลูกข้าวภายใต้แบรนด์”ข้าวกุลาไรซ์”105 ผลิตจากสายพันธุ์ ข้าวขาวดอกมะลิ”105 ข้าวนาปีปลูกในเขตทุ่งกุลาร้องให้อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ภายใต้คำขวัญอำเภอชุมพลบุรี”เขตทุ่งกุลา ร้องให้ปลาไหล ผ้าไหมสวย รวยข้าวหอมมะลิ งามพร้อมลำน้ำมูล”

ข้าวขาวดอกมะลิ105 เป็นพันธ์ข้าวหนัก ข้าวไวแสง ปลูกในดินทุ่งกุลาร้องให้ ดินทรายที่ต้องผ่านความแห้งแล้งร้อนจัด พายุ มรสุม และอากาศที่หนาวจัด จึงทำให้ข้าวหอมมะลิเขตทุ่งกุลาร้องให้ชุมพลบุรีมีเอกลักษณ์เฉพาะตาม สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(GI)และมีรสชาติที่แตกต่างจากข้าวจากถิ่นอื่นๆอย่างชัดเจน มีกลิ่นหอมใบเตย หอมเม็ดยาวขาวนุ่ม ชิมแล้วติดใจผลิตและบำรุงผิวด้วยวัตถุอินทรีย์ธรรมชาติ100%ตามวิถีเกษตรแบบธรรมชาติหรือเกษตรอินทรีย์

ช่วงเก็บเกี่ยวเมื่อข้าวเติบโตเต็มที่ ระยะที่ข้าวแก่สุกจะเป็นสีพลับพลึงเมื่อนำมาแปรรูปจะประกอบด้วยข้าวขาวข้าวกล้องอุดมด้วยสารอาหาร(GABA)และวิตามินที่ร่างกายต้องการในการสร้างพลังงานบรรจุในบรรจุภัณฑ์ทันสมัยภายใต้แบรนด์”ข้าวกุลาไรซ์105″ระบบการผลิตข้าวอินทรีย์GIทุ่งกุลาร้องให้อ.ชุมพลบุรีจ.สุรินทร์ผลิตข้าวหอมมะลิ105 โดยหลัก”เกษตรธรรมชาติ”ตามคู่มือในระบบควบคุมภายในกลุ่ม(ics)และคู่มือการผลิตข้าวอินทรีย์orgnic Thailandของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนระยะเวลาในการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำประกอบด้วย

ต้นน้ำ คือการเตรียมแปลง เตรียมดิน ด้วยการเพิ่มสารอินทรีย์วัตถุที่มีในธรรมชาติสู่แปลงนา ด้วยการ หว่านเมล็ด โดยใช้ปุ๋ยสด (ปอเทือง ถั่วพร้า)แล้วจึงไถกลบตอซังข้าว ปุ๋ยคอก แกลบ ดิน ปุ๋ยอินทรีย์ อัดเม็ด เพิ่มธาติใตโตรเจนธรรมชาติ ให้กับแปลงดินให้สมบูรณ์พร้อมกับการผลิตต่อไป

กลางน้ำ คือการบำรุงดูแลรักษาต้นข้าวแข็งแรงเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และปราศจากโรคพืชรบกวนโดยการใช้สารชีวภาพ เชื้อราไตรโคเดอร์มา การใช้น้ำหมักจากเศษอาหารฯลฯเพื่อเพิ่มธาติอาหารโพแทสเซียมจากธรรมชาติ

ปลายน้ำ คือการเร่งและเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้นโดยใช้น้ำหมักชีวภาพไข่ ซึ่งเป็นปุ๋ยน้ำหมักไข่และยีสต์จุลินทรีย์ธรรมชาติ ใช้ฉีดพ่นธาติอาหารโพแทสเซียมธรรมชาติ เพื่อบำรุงรวงข้าวให้รวงใหญ่รวงขาว เพิ่มจำนวนและน้ำหนักเมล็ดมากขึ้น พร้อมต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิต และการแปรรูปสู่กระบวนการบรรจุภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ GI OTOP แบรนด์”กุลาไรช์ 105 ผ่านการรับรองรับมาตรฐานการผลิดข้าวออร์แกนิคจากกรมข้าว จนมาถึงปัจจุบัน.

 

ศูนย์ข่าวภูมิภาค TOP NEWS  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ถอดรหัส 4 สมการ การเมือง สู่จุดจบรัฐบาลแพทองธาร คลิปเสียงนายกฯคุย “ฮุน เซน” ด้อยค่าแม่ทัพภาค 2 ตัวเร่งนับถอยหลัง
รู้จัก “เขลียง ฮวด” ล่ามแปลคลิปเสียง "นายกฯอิ๊ง" คุย "ฮุนเซน" ซี้ปึ้กแกนนำเสื้อแดง
"นฤมล" เป็นประธานเซ็น MOU ภาครัฐ-เอกชน กว่า 36 หน่วยงาน ร่วมพัฒนาวิจัย ผลิตกาแฟไทยเป็นพืชเศรษฐกิจ
ประมงสมุทรสงคราม ตั้งเป้าสู่ต้นแบบจัดการ "ปลาหมอคางดำ"
GLO จัด "Kid Dee Roadshow" ยกขบวนชวนเยาวชนสร้างเครือข่ายรู้เท่าทันภัยการพนันออนไลน์
"ดร.วันวิชิต" รับตกใจคลิปหลุด "2 นายกฯ" ชี้ "อุ๊งอิ๊ง" หมดชอบธรรมบริหารประเทศแล้ว
"อบจ.สงขลา" พร้อมสุดจัดแข่งเซปักตะกร้อ ชิงแชมป์โลก “คิงส์คัพ” ยิ่งใหญ่ระดับนานาชาติ 22 – 27 ก.ค.นี้
"บิ๊กกุ้ง" แม่ทัพภาคที่ 2 เผยนายกฯโทรหาแล้ว ยันไม่ติดใจปมคลิปหลุดพาดพิง
"ผู้ว่าฯ สงขลา" ยันสิทธิเพิกถอน “สจ.กอล์ฟ” พ้นตำแหน่ง เป็นอำนาจสภา อบจ.
"อนุทิน" ลั่นภท.ไม่มีอะไรต้องประนีประนอมแล้ว "ภราดร" ลาออกรองปธ.สภาฯด้วย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น